Loe raamatut: «การเดินทางแห่งราชา »
การเดินทางแห่งราชา
(เล่ม 2 ในชุดวงแหวนของผู้วิเศษ)
มอร์แกน ไรซ์
ประวัติ มอร์แกน ไรซ์
มอร์แกน ไรซ์ เป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอันดับ 1 เรื่อง THE VAMPIRE JOURNALS นิยายชุดสำหรับวัยรุ่น จำนวน 11 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป), นิยายชุดขายดีอันดับ 1เรื่อง THE SURVIVAL TRILOGY นิยายระทึกขวัญ จำนวน 2 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป) และนิยายชุดมหากาพย์แฟนตาซีขายดีอันดับ 1 วงแหวนของผู้วิเศษ จำนวน 11 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป)
หนังสือของมอร์แกน มีทั้งรูปแบบหนังสือเสียงและเป็นรูปเล่ม และแปลเป็นภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียน สเปน โปรตุเกส ญี่ปุ่น จีน สวีเดน ดัตช์ ตุรกี ฮังกาเรียน เช็ค และสโลวัก (และภาษาอื่น ๆ ที่จะตามมา)
มอร์แกนอยากฟังความคิดเห็นจากพวกคุณ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.morganricebooks.com เพื่อสมัครรับข่าวสารทางอีเมล พร้อมรับหนังสือ และของรางวัลมากมาย และสามารถดาวน์โหลดแอพฟรี พร้อมทั้งรับทราบข่าวสารล่าสุด หรือเชื่อมต่อผ่านเฟซบุคและทวีตเตอร์ โปรดติดตาม!
คำนิยมสำหรับ มอร์แกน ไรซ์
“วงแหวนของผู้วิเศษ มีส่วนผสมทุกอย่างของการประสบความสำเร็จทันที ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อย ความลึกลับ อัศวินผู้กล้าหาญ ความสัมพันธ์ที่เบ่งบานพร้อมกับการอกหัก การหลอกหลวงและการทรยศ มันจะทำให้คุณเพลิดเพลินได้หลายชั่วโมง และเป็นที่ชื่นชอบของทุกวัย แนะนำให้มีประจำไว้ในห้องสมุดสำหรับคอนักอ่านเรื่องแฟนตาซี”
--Books and Movie Reviews, Roberto Mattos
“ไรซ์ทำได้ยอดเยี่ยมในการดึงคุณเข้าสู่เรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้น ใช้พรรณนาโวหารได้อย่างเยี่ยมยอด ทำให้เห็นภาพได้ดีกว่าภาพวาดเสียอีก เป็นงานเขียนที่ดีและอ่านอย่างรวดเร็วมาก”
--Black Lagoon Reviews (สำหรับเรื่อง Turned)
“เป็นหนังสือในดวงใจสำหรับนักอ่านวัยรุ่น มอร์แกน ไรซ์ สร้างงานเขียนที่ตื่นเต้นและหักมุม แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร หนังสือชุดนี้เป็นเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่มีความพิเศษ!...อ่านง่ายแต่เดินเรื่องได้ฉับไว ...เรตผู้ปกครองควรแนะนำ
--The Romance Reviews (สำหรับเรื่อง Turned)
“ดึงความสนใจของฉันได้ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ…เป็นเรื่องราวการผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ ดำเนินเรื่องฉับไวและเต็มไปด้วยฉากแอคชั่นตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่มีจังหวะน่าเบื่อเลย”
--Paranormal Romance Guild (สำหรับเรื่อง Turned)
“เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น โรแมนติกและตื่นเต้น หาไปอ่านสักเล่มแล้วคุณจะตกหลุมรักอีกครั้ง”
--vampirebooksite.com (สำหรับเรื่อง Turned)
“โครงเรื่องยอดเยี่ยม เป็นหนังสือที่คุณอ่านแล้วจะไม่อยากวาง มีตอนจบที่น่าตื่นเต้นและลุ้นจนคุณอยากจะซื้อเล่มต่อไปทันที มาดูกันว่าจะเกิดอะไรต่อไป”
--The Dallas Examiner (สำหรับเรื่อง Loved)
“เป็นหนังสือที่เป็นคู่แข่งของ TWILIGHT และ VAMPIRE DIARIES และเป็นเล่มที่คุณอ่านแล้วจะไม่อยากวางจนถึงหน้าสุดท้าย หากคุณชอบการผจญภัย ความรักและแวมไพร์ หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่คุณมองหา!”
--Vampirebooksite.com (สำหรับเรื่อง Turned)
“มอร์แกน ไรซ์ ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเป็นนักเล่าเรื่องที่มีพรสวรรค์ หนังสือเรื่องนี้จะดึงดูดความสนใจของนักอ่านมากมาย รวมทั้งนักอ่านวัยรุ่นที่ชื่นชอบเรื่องราวประเภทแวมไพร์และแฟนตาซี ตอนจบของเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อจนทำให้คุณตกใจ”
--The Romance Reviews (สำหรับเรื่อง Loved)
หนังสือของ มอร์แกน ไรซ์
ชุด วงแหวนของผู้วิเศษ
เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (เล่ม 1)
การเดินทางแห่งราชา (เล่ม 2)
ชะตาแห่งมังกร (เล่ม 3)
A CRY OF HONOR (เล่ม 4)
A VOW OF GLORY (เล่ม 5)
A CHARGE OF VALOR (เล่ม 6)
A RITE OF SWORDS (เล่ม 7)
A GRANT OF ARMS (เล่ม 8)
A SKY OF SPELLS (เล่ม 9)
A SEA OF SHIELDS (เล่ม 10)
A REIGN OF STEEL (เล่ม 11)
A LAND OF FIRE (เล่ม 12)
A RULE OF QUEENS (เล่ม 13)
ชุด SURVIVAL TRILOGY
ARENA ONE: SLAVERSUNNERS (เล่ม 1)
ARENA TWO (เล่ม 2)
ชุด VAMPIRE JOURNALS
TURNED (เล่ม 1)
LOVED (เล่ม 2)
BETRAYED (เล่ม 3)
DESTINED (เล่ม 4)
DESIRED (เล่ม 5)
BETROTHED (เล่ม 6)
VOWED (เล่ม 7)
FOUND (เล่ม 8)
RESURRECTED (เล่ม 9)
CRAVED (เล่ม 10)
FATED (เล่ม 11)
ดาวน์โหลดหนังสือของมอร์แกน ไรซ์ได้ที่นี่!
ฟัง นิยายชุด วงแหวนของผู้วิเศษ ในรูปแบบหนังสือเสียง!
ลิขสิทธิ์ © 2013 โดย มอร์แกน ไรซ์
สงวนลิขสิทธิ์ ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ของสหรัฐฯ พ.ศ. 2519 ห้ามนำส่วนใดของการเผยแพร่นี้ไปทำซ้ำ แจกจ่ายหรือถ่ายทอดในรูปแบบใด ๆ หรือโดยความหมายใด ๆ หรือเก็บบันทึกเป็นข้อมูล หรือระบบสืบค้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน
หนังสือ ebook นี้ อนุญาตเพื่อความบันเทิงส่วนตัวของคุณเท่านั้น และ ebook เล่มนี้ไม่อาจนำไปขายซ้ำ หรือยกให้ผู้อื่น หากคุณต้องการแบ่งปันหนังสือเล่มนี้กับผู้อื่น ขอความกรุณาซื้อเพิ่มใหม่เป็นส่วนตัว หากคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้ และไม่ได้ซื้อ หรือไม่ได้ซื้อในนามของคุณ ขอความกรุณาส่งคืนและดำเนินการซื้อในนามของคุณ ขอบคุณที่ให้ความเคารพในการทำงานอย่างหนักของผู้เขียน
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร ธุรกิจ องค์กร สถานที่ สถานการณ์ และเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน หรือเป็นการแต่งขึ้น ความคล้ายคลึงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจริง ทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตไปแล้ว เป็นความบังเอิญทั้งสิ้น
Jacket image Copyright RazoomGame, used under license from Shutterstock.com.
สารบัญ
บทที่ หนึ่ง
บทที่ สอง
บทที่ สาม
บทที่ สี่
บทที่ ห้า
บทที่ หก
บทที่ เจ็ด
บทที่ แปด
บทที่ เก้า
บทที่ สิบ
บทที่ สิบเอ็ด
บทที่ สิบสอง
บทที่ สิบสาม
บทที่ สิบสี่
บทที่ สิบห้า
บทที่ สิบหก
บทที่ สิบเจ็ด
บทที่ สิบแปด
บทที่ สิบเก้า
บทที่ ยี่สิบ
บทที่ ยี่สิบเอ็ด
บทที่ ยี่สิบสอง
“นี่กริชหรือที่ข้าแลเห็นอยู่เบื้องหน้า
หันด้ามเข้าหาข้า? มาสิ ให้ข้ากำเจ้าไว้
มือข้าสัมผัสเจ้ามิได้ แต่นัยน์ตาข้ายังมองเห็น”
วิลเลียม เช็คสเปียร์
แม็คเบ็ธ
บทที่ หนึ่ง
ราชาแม็คกิลทรงดำเนินโซเซเข้ามาในห้องบรรทม เพราะทรงดื่มมากเกินไป ทั้งห้องหมุนติ้ว พระเศียรยังปวดตุบจากงานเลี้ยงเมื่อคืน สตรีนางหนึ่งซึ่งไม่ทรงรู้จักเคล้าเคลียอยู่ข้างพระวรกาย แขนข้างหนึ่งโอบไว้รอบบั้นพระองค์ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย นางประคองพระองค์ไปที่พระแท่นพลางหัวเราะคิกคัก มหาดเล็กสองนายปิดประตูตามหลังและหลบไปอย่างเงียบ ๆ
พระราชาไม่รู้ว่าราชินีของพระองค์ประทับอยู่ที่ใด และในคืนนี้ทรงไม่สนพระทัย ทั้งสองพระองค์แทบจะไม่ได้ร่วมพระแท่นบรรทมกันแล้ว ด้วยพระนางมักจะบรรทมที่ห้องประทับส่วนตัว โดยเฉพาะในคืนที่มีงานฉลอง เมื่อการเลี้ยงอาหารยาวนานเกินไป พระนางทรงรู้ดีถึงความบันเทิงของสวามี และดูเหมือนจะไม่ได้ใส่ใจ นอกจากนี้ พระองค์ทรงเป็นราชา และราชาในราชวงศ์แม็คกิลมักจะปกครองตามความพอใจ
ขณะที่ราชาแม็คกิลมุ่งหน้าไปที่พระแท่น ทั้งห้องก็หมุนอย่างบ้าคลั่ง จนพระองค์สะบัดสตรีนางนั้นออกไป ไม่ทรงอยู่ในอารมณ์สำหรับเรื่องนี้แล้ว
“ออกไป!” ราชาตรัสสั่ง แล้วผลักไสนางออกห่าง
สตรีนางนั้นยืนนิ่ง ทั้งตกใจและเจ็บปวด ขณะที่ประตูเปิดออก และมหาดเล็กกลับเข้ามาคว้าแขนนางไว้คนละข้าง แล้วนำนางออกไป นางขัดขืนแต่เสียงร้องก็เงียบลงเมื่อประตูถูกปิดตามหลัง
ราชาแม็คกิลประทับนั่งบนพระแท่น สองหัตถ์เท้าพระเศียรไว้ พยายามหยุดอาการปวดพระเศียร เป็นเรื่องไม่ปกติสำหรับพระองค์ที่ทรงปวดพระเศียรเร็วเช่นนี้ ก่อนที่น้ำจันฑ์จะทันออกฤทธิ์เสียอีก แต่คืนนี้มันต่างไป ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไปหมด งานเลี้ยงฉลองเป็นไปด้วยดี ขณะที่พระองค์ทรงสำราญกับเนื้อชั้นดีและไวน์รสแรง ตอนที่ ธอร์ เด็กหนุ่มคนนั้นโผล่เข้ามาและทำลายทุกอย่างลง เริ่มต้นด้วยการบุกรุกของเขากับความฝันไร้สาระ จากนั้นเขายังบังอาจปัดแก้วจากหัตถ์ของพระองค์
แล้วสุนัขตัวนั้นก็เข้ามาแล้วเลียไวน์ก่อนจะล้มลงขาดใจตายต่อหน้าทุกคน ราชาแม็คกิลตัวสั่นตั้งแต่ตอนนั้น ความตระหนักรู้กระแทกใส่พระองค์ราวกับค้อนทุบ ว่ามีใครบางคนพยายามที่จะวางยาพิษพระองค์ เพื่อลอบปลงพระชนม์ พระราชาแทบไม่อยากเชื่อ ใครบางคนเล็ดลอดผ่านองครักษ์ ผ่านคนทดสอบอาหารและไวน์ของพระองค์มาได้ ทรงรอดพ้นจากจากความตายอย่างเฉียดฉิว และยังทรงตัวสั่นอยู่
ราชาแม็คกิลทรงจำได้ว่าธอร์ถูกนำตัวไปยังคุกใต้ดิน และทรงสงสัยขึ้นมาอีกครั้งว่านั่นเป็นคำสั่งที่ถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากใจหนึ่งทรงมั่นพระทัยว่าเด็กหนุ่มไม่มีทางที่จะรู้ว่าแก้วนั้นมียาพิษหากว่าเขาไม่ได้เป็นผู้ใส่มันลงไปหรือเป็นผู้สมคบคิดกระทำการในทางใดทางหนึ่ง แต่อีกใจหนึ่งพระองค์ทรงรู้ดีว่าธอร์มีพลังลึกลับซ่อนอยู่ อาจจะลึกลับเกินไป และบางทีเขาอาจจะพูดความจริง บางทีเขาอาจจะเห็นมันในความฝันอย่างที่บอก ที่จริงแล้วธอร์อาจจะเป็นผู้ช่วยชีวิตพระองค์ไว้ และพระองค์ทรงส่งคนที่มีความจงรักภักดีอย่างแท้จริงไปเข้าคุกใต้ดิน
พระเศียรของราชาปวดตุบ ๆ เมื่อทรงคิดถึงเรื่องนี้ ขณะที่ทรงประทับนั่งพลางถูรอยย่นบนพระนลาฏ พยายามจะหาคำตอบ แต่พระองค์ทรงมึนเมาเกินไปในคืนนี้ พระสติไม่แจ่มใสและความคิดสับสน ทรงไม่สามารถคิดให้ถี่ถ้วนได้ แล้วที่นี่ก็ร้อนเกินไป เป็นคืนในฤดูร้อนที่อบอ้าว พระวรกายรุมร้อนอยู่หลายชั่วโมงในช่วงเวลาหรรษาจากอาหารและเครื่องดื่ม ทรงรู้สึกว่าพระเสโทไหลอาบ
ราชาแม็คกิลทรงถอดและเหวี่ยงฉลองพระองค์คลุมออก ตามด้วยฉลองพระองค์ตัวนอก เหลือเพียงฉลองพระองค์ตัวใน พระองค์ทรงปาดเหงื่อจากคิ้วและเครา แล้วทรงเอนวรกาย สลัดบู้ทคู่ใหญ่และหนักออกทีละข้าง ทรงงอนิ้วพระบาทเมื่อสัมผัสอากาศ ราชาแม็คกิลประทับนั่งอยู่เช่นนั้น พลางสูดหายใจแรง พยายามทำใจให้สงบ วันนี้พระองค์ทรงเจริญอาหารและมันช่างเป็นภาระ พระราชาเตะขาขึ้นแล้วเอนวรกายลงนอน หนุนพระเศียรลงกับพระเขนย ทรงถอนหายใจแล้วทอดพระเนตรมองขึ้นไป มองผ่านเสาพระแท่นทั้งสี่ ขึ้นไปยังเพดาน ทรงหวังให้ห้องหยุดหมุนเสียที
ใครกันอยากจะสังหารข้า? พระองค์ทรงสงสัยขึ้นมาอีก ทรงรักธอร์ดุจบุตรชาย ส่วนหนึ่งในพระหทัยรู้ว่าไม่ใช่ธอร์ ทรงสงสัยว่าจะเป็นใครได้อีก และพวกนั้นมีเหตุจูงใจอะไร ที่สำคัญที่สุดหากว่าพวกมันจะพยายามอีกล่ะ พระองค์จะปลอดภัยหรือไม่? คำพยากรณ์ของอาร์กอนจะถูกต้องหรือไม่?
พระราชาทรงรู้สึกว่าหนังตาหนักขึ้น ขณะที่ทรงรู้ว่าคำตอบของเรื่องนี้อยู่นอกเหนือความเข้าใจของพระองค์ หากพระสติแจ่มชัดกว่านี้สักหน่อย อาจจะทรงคิดออก แต่คงต้องรอถึงรุ่งสางจึงค่อยเรียกประชุมบรรดาที่ปรึกษาของพระองค์ ให้เริ่มทำการสอบสวนเรื่องนี้ คำถามในใจของพระองค์ไม่ใช่ใครต้องการให้พระองค์ตาย แต่เป็นใครกันที่ไม่ต้องการให้พระองค์ตาย ในราชสำนักเต็มไปด้วยคนที่ต้องการบัลลังก์ของพระองค์ บรรดาแม่ทัพผู้ทะเยอทะยาน สมาชิกสภาเจ้าอุบาย ขุนนางผู้กระหายอำนาจ สายลับ คู่ปรับเก่า คนลอบสังหารจากฝั่งแม็คคลาวด์ หรือแม้แต่มาจากแดนเถื่อน บางทีอาจจะใกล้กว่านั้นก็เป็นได้
พระราชาแม็คกิลทรงกระพริบพระเนตรเมื่อเริ่มง่วงงุน แต่มีบางอย่างดึงความสนใจของพระองค์ทำให้พยายามลืมพระเนตร พระองค์สังเกตเห็นความเคลื่อนไหว เมื่อมองหาก็ไม่พบว่ามีมหาดเล็กอยู่ตรงนั้น ทรงกระพริบพระเนตรอย่างสับสน มหาดเล็กไม่เคยทิ้งให้พระองค์อยู่เพียงลำพังในห้องนี้ และทรงนึกไม่ออกว่าสั่งให้พวกเขาออกไป และยิ่งแปลกมากขึ้น เมื่อประตูห้องเปิดออกกว้าง
ขณะนั้นเอง ราชาแม็คกิลได้ยินเสียงจากอีกฟากของห้อง จึงหันไปมอง ตรงนั้นเองมีบางอย่างเคลื่อนไหวมาตามผนัง โผล่ออกมาจากเงามืดสู่แสงคบไฟ เป็นชายร่างสูงผอม สวมเสื้อคลุมสีดำ มีผ้าคลุมปกปิดใบหน้า พระราชากระพริบพระเนตรอยู่หลายครั้ง พลางสงสัยว่าทรงเห็นสิ่งเหล่านี้จริงหรือไม่ ในตอนแรกทรงมั่นพระทัยว่ามันเป็นเพียงเงา แสงจากคบไฟวูบไหวเล่นตลกกับสายพระเนตรของพระองค์
แต่ครู่ต่อมาร่างนั้นก้าวเข้าใกล้มากขึ้นและมาถึงพระแท่นอย่างรวดเร็ว ราชาแม็คกิลพยายามเพ่งมองในแสงสลัว พยายามดูว่าคือใคร พระองค์ทรงผุดลุกขึ้นประทับนั่งด้วยสัญชาตญาณ และด้วยความเป็นนักรบเก่า ทรงเอื้อมไปที่บั้นพระองค์เพื่อจับดาบหรืออย่างน้อยก็มีดสั้น แต่พระองค์ทรงถอดฉลองพระองค์ออกและไม่มีอาวุธใดเหลืออยู่ ทรงประทับอยู่บนพระแท่นอย่างไร้อาวุธ
ตอนนี้ร่างนั้นเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เหมือนกับอสรพิษในยามราตรี ค่อยคืบคลานเข้ามาใกล้ เมื่อพระราชาแม็คกิลประทับนั่ง พระองค์ทรงเห็นใบหน้านั้น ทั้งห้องยังคงหมุน ความมึนเมาทำให้พระองค์ไม่อาจเข้าใจได้แจ่มชัด แต่ชั่วขณะนั้น ทรงสาบานได้ว่าเป็นใบหน้าของโอรสของพระองค์
กาเร็ธ?
พระราชาทรงตื่นตะหนกขึ้นมาทันที ทรงสงสัยว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ในยามดึกดื่นเช่นนี้ โดยไม่บอกไม่กล่าว
“ลูกพ่อ?” ทรงเรียกออกไป
พระราชาทอดเนตรเห็นแววตามุ่งร้ายและนั่นเพียงพอแล้ว พระองค์กระโดดลุกจากพระแท่น
แต่ร่างนั้นก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มันกระโจนเข้าใส่ และก่อนที่ราชาแม็คกิลจะทันยกหัตถ์ขึ้นป้องกัน วัตถุหนึ่งสะท้อนกับแสงคบไฟ พุ่งมาอย่างเร็ว เร็วเกินไป คมมีดแหวกอากาศ ปักลงที่พระอุระของพระองค์
พระราชาทรงร้องออกมา เป็นเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ทรงประหลาดพระทัยกับเสียงร้องของพระองค์เอง มันคือเสียงกรีดร้องในสนามรบ ที่ทรงเคยได้ยินมานับครั้งไม่ถ้วน เป็นเสียงร้องของนักรบที่บาดเจ็บสาหัส
ราชาแม็คกิลทรงรู้สึกถึงโลหะเย็นที่แทงทะลุซี่โครง แทรกผ่านกล้ามเนื้อ ผสมกับพระโลหิต ทิ่มลึกเข้าไปยิ่งขึ้น ความเจ็บปวดรุนแรงกว่าที่ทรงเคยนึกฝัน ดูราวกับมันจะไม่หยุดทิ่มลึกเข้าไป ราชาอ้าโอษฐ์ค้าง และรู้สึกถึงโลหิตอุ่นและเค็มในพระโอษฐ์ ทรงหายใจแรงขึ้น พยายามบังคับตัวเองให้เงยขึ้นมองใบหน้าเบื้องหลังผ้าคลุม แล้วพระองค์ต้องตกพระทัย ทรงคาดผิด นั่นไม่ใช่ใบหน้าของโอรส แต่เป็นคนใกล้ชิด ใครคนหนึ่งซึ่งคล้ายกับโอรสของพระองค์
สมองของพระองค์ปั่นป่วนด้วยความสับสน ขณะที่ทรงพยายามนึกชื่อของคนผู้นี้
เมื่อร่างนั้นยืนตระหง่านง้ำอยู่เหนือราชาแม็คกิล ในมือถือมีด พระองค์ทรงยกหัตถ์ขึ้นและผลักเข้าที่ไหล่ของชายผู้นั้น ด้วยความพยายามที่ต้องการจะหยุดมัน ทรงรู้สึกถึงพละกำลังของนักรบเก่าปะทุขึ้นในวรกาย รู้สึกถึงพลังของบรรพบุรุษ ส่วนลึกในกายของพระองค์ที่ทำให้ทรงเป็นกษัตริย์ ว่าจะต้องไม่ยอมแพ้ ทรงผลักผู้ลอบสังหารด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี ด้วยการผลักเพียงครั้งเดียว
ชายคนนั้นผอมบางกว่าที่ราชาแม็คกิลคิด มันเซถอยหลังพลางส่งเสียงร้องออกมา ถลาไปอีกฟาก พระราชาทรงลุกขึ้นยืนด้วยความพยายามอย่างยิ่งยวด ทรงเอื้อมหัตถ์ไปดึงมีดออกจากพระอุระ แล้วขว้างออกไปกระทบพื้นหินเสียงดัง ก่อนจะไถลไปตามพื้น กระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ไกลออกไป
ชายคนนั้น ซึ่งผ้าคลุมศีรษะหล่นลงมากองอยู่บนบ่า ตะกายขึ้นยืน จ้องมองกลับมาด้วยดวงตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว ขณะที่ราชาแม็คกิลทรงวางท่าขู่ ชายคนนั้นหันหลังวิ่งไปอีกฟากของห้อง แวะหยิบมีดสั้นก่อนที่จะหนีออกไป
พระราชาพยายามจะไล่ตาม แต่ชายคนนั้นเร็วเกินไป และความเจ็บปวดก็พุ่งพล่านขึ้นอีก แปลบลึกที่พระอุระ ทรงเริ่มรู้สึกอ่อนแรง
ราชาแม็คกิลหยุดยืนนิ่ง เพียงลำพังในห้องบรรทม ทอดเนตรมองโลหิตที่ไหลจากพระอุระสู่พระหัตถ์ พระองค์ทรุดลงกับพระชานุ
พระราชาเริ่มรู้สึกหนาว เอนพระวรกายลงและพยายามจะตะโกนออกมา
“องครักษ์” ทรงร้องเสียงแผ่ว
พระองค์ทรงสูดหายใจลึก แม้จะเจ็บปวดแสนสาหัส ทรงรวบรวมกำลังเปล่งสุรเสียง สุรเสียงแห่งราชา
“องครักษ์!” ทรงตะโกนก้อง
ราชาแม็คกิลทรงได้ยินเสียงฝีเท้าจากโถงที่อยู่ห่างออกไป ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา ได้ยินเสียงประตูเปิดออก รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้ แต่ทั้งห้องเริ่มหมุนอีก และครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์น้ำจัณฑ์
สิ่งสุดท้ายที่ทรงเห็นคือพื้นหินเย็น ๆ เคลื่อนเข้าใกล้พระพักตร์
บทที่ สอง
ธอร์คว้าห่วงเหล็กสำหรับเคาะประตูไม้บานมหึมาตรงหน้า แล้วดึงสุดแรง มันเปิดออกช้า ๆ ส่งเสียงเอี้ยดอ้าด เผยให้เห็นห้องบรรทมของพระราชา เขาก้าวเข้าไป รู้สึกขนลุกซู่ไปตามแขนขณะข้ามผ่านธรณีประตู ธอร์รู้สึกถึงความมืดมิดที่นี่ มันอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศราวกับหมอก
เขาก้าวเข้าไปในห้องอีกหลายก้าว ได้ยินเสียงปะทุของคบไฟบนผนัง ขณะก้าวเข้าไปหาร่างที่นอนกองอยู่บนพื้น เขารู้แล้วว่านั่นคือพระราชา รู้ว่าพระองค์ถูกลอบสังหาร รู้ว่าเขามาช้าเกินไป ธอร์อดสงสัยไม่ได้ว่าองครักษ์หายไปไหนกันหมด ทำไมจึงไม่มีใครอยู่ช่วยพระองค์
เขารู้สึกแข้งขาอ่อนเมื่อเหยียบย่างก้าวสุดท้ายเข้าไปหาพระราชา เขาคุกเข่าลงบนพื้นหิน คว้าพระอังสาที่เย็นเฉียบ แล้วพลิกพระวรกายขึ้น
พระราชาแม็คกิล ราชาผู้ล่วงลับ ประทับอยู่ตรงนั้น พระเนตรเบิกโพลง สวรรคต...
ธอร์เงยหน้าขึ้น จู่ ๆ ก็มีมหาดเล็กมายืนอยู่เหนือทั้งสอง ถือแก้วเสวยประดับอัญมณีใบใหญ่ ใบที่ธอร์เห็นในงานเลี้ยง ใบที่ทำจากทองคำและประดับด้วยทับทิมและไพลิน มหาดเล็กจ้องมองธอร์ และค่อย ๆ รินไวน์ลงบนพระอุราของราชาแม็คกิล ไวน์กระเด็นเลอะทั่วใบหน้าของธอร์
ธอร์ได้ยินเสียงร้องแหลม เมื่อหันไปมองก็เห็นเอสโตฟีลีส เหยี่ยวของเขาเกาะอยู่บนพระอังสา กำลังเลียไวน์จากพระปราง
ธอร์ได้ยินเสียง เมื่อหันไปดูก็เห็นอาร์กอน ยืนอยู่เหนือเขา และมองลงมาอย่างเคร่งเครียด มือข้างหนึ่งของเขาถือมงกุฎที่เป็นประกาย ส่วนอีกข้างถือคทา
อาร์กอนเดินมาหาแล้ววางมงกุฎลงบนศีรษะของธอร์อย่างแน่นหนา ธอร์รู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่จมลงมา มันพอดิบพอดี เนื้อโลหะโอบรัดรอบขมับของเขา ธอร์เงยหน้ามองอาร์กอนอย่างประหลาดใจ
“บัดนี้เจ้าคือราชา” อาร์กอนประกาศ
ธอร์กระพริบตา และเมื่อเขาลืมตาขึ้น ก็ได้เห็นกองทหารยุวชนและกองรบเงินทุกคน ชายฉกรรจ์และเด็กหนุ่มหลายร้อยคนเบียดเสียดกันเข้ามาในห้อง หันหน้าหาเขา แล้วทุกคนก็คุกเข่าลงพร้อมกัน คำนับให้เขา ก้มหน้าต่ำติดพื้น
“ราชาของพวกเรา” เสียงประสานกันดังขึ้น
ธอร์สะดุ้งตื่น เขาผุดลุกขึ้นนั่ง หายใจแรงพลางมองไปรอบ ๆ ที่นี่ทั้งมืดและชื้น เขาระลึกได้ว่านั่งอยู่บนพื้นหิน หลังพิงกำแพง ธอร์หรี่ตามองไปในความมืด เห็นลูกกรงเหล็กอยู่ห่างออกไปและเบื้องหลังมันคือคบไฟวูบไหว แล้วเขาก็จำได้ ที่นี่คือคุกใต้ดิน เขาถูกลากตัวมาที่นี่หลังจากงานเลี้ยง
เขาจำได้ว่าถูกทหารยามชกเข้าที่ใบหน้า และเขาคงจะหมดสติไป ไม่รู้ว่านานเพียงใด ธอร์ลุกขึ้นนั่ง หายใจแรงขึ้น พยายามสลัดภาพฝันร้ายออกไป มันช่างเหมือนจริง เขาภาวนาไม่ให้เป็นเรื่องจริง อย่าให้พระราชาสวรรคต ภาพพระศพยังติดตาเขาอยู่ นี่ธอร์ได้เห็นบางอย่างจริงหรือไม่? หรือเป็นเพียงสิ่งที่เขาคิดไปเอง?
ธอร์รู้สึกว่ามีคนเตะเข้าที่ฝ่าเท้าของเขา เมื่อเงยหน้ามองก็เห็นร่างหนึ่งยืนอยู่เหนือเขา
“เจ้าตื่นเสียที” มีเสียงดังขึ้น “ข้ารออยู่หลายชั่วโมงแล้ว”
ในแสงสลัวนั้น ธอร์เห็นใบหน้าของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขา รูปร่างผอม ตัวเตี้ยและมีแก้มตอบ มีรอยแผลเป็นจากฝีดาษ แต่ภายใต้ดวงตาสีเขียวคู่นั้นดูมีความใจดีและเฉลียวฉลาด
“ข้าชื่อแมเร็ค” เขาบอก “เพื่อนร่วมห้องขังของเจ้า เจ้าโดนโทษอะไรมาล่ะ?”
ธอร์ยืดตัวขึ้น พยายามคิด เขาเอนหลังพิงกำแพง ยกมือขึ้นเสยผม แล้วพยายามนึก ปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน
“พวกเขาบอกว่าเจ้าพยายามปลงพระชนม์พระราชา” แมเร็คบอกต่อ
“เขาพยายามลอบปลงพระชนม์จริง และเราจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ หากเขาออกมานอกลูกกรงนั่น” มีเสียงคำรามบอก
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นขัดจังหวะ เสียงถ้วยดีบุกกระแทกกับลูกกรงโลหะ ธอร์มองไปเห็นตลอดแนวทางเดินนั้นเป็นห้องขัง มีนักโทษท่าทางพิกลแนบศีรษะกับลูกกรง และท่ามกลางแสงวูบไหวของคบไฟ พวกนั้นยิ้มหยันมาให้เขา ส่วนใหญ่ไม่ได้โกนหนวดเครา มีฟันหลอ และบางคนดูเหมือนอยู่ที่นี่มานานหลายปี มันช่างเป็นภาพที่น่ากลัว ซึ่งธอร์ต้องบังคับตัวเองให้เมินหน้าหนี นี่เขาลงมาอยู่ที่นี่จริง ๆ หรือ? เขาจะต้องติดอยู่ที่นี่ กับคนพวกนี้ตลอดไปอย่างนั้นหรือ?
“อย่าไปสนใจพวกเขาเลย” แมเร็คบอก “ที่ห้องนี้มีแค่เจ้ากับข้า พวกเขาเข้ามาไม่ได้หรอก และข้าไม่สนใจหรอกถ้าเจ้าจะวางยาพิษพระราชา ข้าเองก็อยากจะทำเหมือนกัน”
“ข้าไม่ได้วางยาพระราชา” ธอร์บอกอย่างขุ่นเคือง “ข้าไม่ได้วางยาใคร ข้าพยายามช่วยพระองค์ต่างหาก ที่ข้าทำคือปัดแก้วเสวยของพระองค์”
“แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าแก้วนั้นมียาพิษ?” มีเสียงคนที่แอบฟังอยู่ตะโกนขึ้น “ข้าว่าเวทมนต์ล่ะสิ?”
เสียงหัวเราะล้อเลียนดังขึ้นพร้อมกันจากห้องขังอื่น ๆ
“มันเป็นคนทรงล่ะมัง!” พวกนั้นคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างล้อเลียน
คนอื่นพากันหัวเราะ
“ไม่ใช่หรอก ก็แค่บังเอิญเดาถูกต่างหาก!” อีกคนแผดเสียงขึ้น สร้างความพอใจให้คนอื่น ๆ
ธอร์ถลึงตา ไม่พอใจกับคำกล่าวหา และอยากจะอธิบายให้พวกนั้นเข้าใจ แต่เขารู้ว่าคงจะเสียเวลาเปล่า นอกจากนั้นเขาไม่จำเป็นต้องแก้ต่างให้อาชญากรพวกนี้ฟัง
แมเร็คมองเขาอย่างค้นคว้า ไม่ใช่ด้วยแววตาสอดรู้เหมือนคนอื่น เขามองมาราวกับกำลังพิจารณา
“ข้าเชื่อเจ้า” เขาบอกขึ้นเบา ๆ
“เจ้าเชื่อหรือ?” ธอร์ถาม
แมเร็คยักไหล่
“ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าเจ้าจะวางยาพระราชา เจ้าจะโง่ขนาดให้พระองค์รู้อย่างนั้นหรือ?”
แมเร็คหันหลังแล้วเดินห่างไปไม่กี่ก้าว ไปยังอีกฟากของห้องขัง ก่อนจะนั่งลงพิงกำแพงหันหน้ามาหาธอร์
ตอนนี้ธอร์เป็นฝ่ายสงสัย
“แล้วเจ้าโดนโทษอะไรมา?” เขาถาม
“ข้าเป็นขโมย” แมเร็คบอก ดูออกจะภูมิใจ
ธอร์ประหลาดใจ เขาไม่เคยพบขโมยมาก่อน ขโมยตัวจริง ตัวเขาเองไม่เคยมีความคิดเรื่องการขโมย และมักจะประหลาดใจที่รู้ว่ามีคนทำ
“ทำไมเจ้าถึงขโมย?” ธอร์ถาม
แมเร็คยักไหล่
“ครอบครัวของข้าไม่มีอาหาร พวกเขาต้องกิน ข้าไม่มีความรู้หรือทักษะอื่น การขโมยเป็นสิ่งที่ข้ารู้จัก ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ส่วนใหญ่เป็นพวกอาหาร อะไรก็ได้ที่ทำให้พวกเขารอด ข้ารอดตัวมาได้หลายปี แล้วก็มาถูกจับได้ นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่ข้าถูกจับ ครั้งที่สามนี่เลวร้ายที่สุด”
“ทำไมล่ะ?” ธอร์ถาม
แมเร็คเงียบไป แล้วส่ายหน้าช้า ๆ ธอร์เห็นดวงตาของเขารื้นด้วยน้ำตา
“กฎหมายของพระราชาเข้มงวด ไม่มีข้อยกเว้น ทำผิดครั้งที่สาม พวกเขาจะตัดมือเจ้า”
ธอร์ตกใจ เขาเหลือบมองมือของแมเร็ค ทั้งสองข้างยังอยู่ดี
“พวกเขายังไม่ได้มาจัดการกับข้า” แมเร็คบอก “แต่พวกเขาจะมาแน่”
ธอร์รู้สึกแย่ แมเร็คมองเมินไป ราวกับละอาย ธอร์เองก็เช่นกัน ไม่ต้องการจะคิดถึงมัน
เขายกมือขึ้นกุมศีรษะ รู้สึกปวดหัว ขณะพยายามปะติดปะต่อความคิด สองสามวันมานี้ช่างวุ่นวาย เกิดเรื่องขึ้นมากมาย ในด้านหนึ่งเขารู้สึกถึงความสำเร็จ ถึงการปลดปล่อย เขาเห็นอนาคต เห็นการลอบวางยาพิษราชาแม็คกิล และได้ช่วยชีวิตพระองค์ แต่อาจจะเป็นเพราะโชคชะตาสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อาจจะเป็นเพราะชะตากรรมสามารถเบี่ยงเบนได้ ธอร์รู้สึกภูมิใจ ที่เขาได้ช่วยพระราชา
แต่อีกด้านหนึ่ง เขากลับต้องมาอยู่ที่นี่ ในคุกใต้ดินนี่ ไม่สามารถกู้ชื่อเสียงของตัวเอง ความหวังและความฝันทั้งหมดต้องพังทลายลง โอกาสได้เข้าร่วมในกองทหารยุวชนหลุดลอยไปแล้ว ตอนนี้เขาคงจะโชคดีถ้าไม่ต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ข้างล่างนี่ เขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อคิดว่าราชาแม็คกิล ผู้ซึ่งต้อนรับเขาประดุจบิดา บิดาจริง ๆ เพียงคนเดียวที่เขาไม่เคยมี จะทรงเชื่อว่าเขาพยายามจะลอบปลงพระชนม์พระองค์ และเขาเจ็บปวดเมื่อคิดว่าเจ้าชายรีซ เพื่อนรักของเขาอาจจะเชื่อว่าธอร์พยายามจะปลงพระชนม์พระบิดาของพระองค์ หรือที่แย่กว่านั้น เจ้าหญิงเกว็นโดลิน เขาคิดถึงการได้พบกันครั้งสุดท้าย ซึ่งพระนางเชื่อว่าเขาเป็นขาประจำที่ร้านนางโลม ธอร์รู้สึกราวกับสิ่งดี ๆ ในชีวิตถูกดึงหายไป เขาสงสัยว่าทำไมเรื่องเหล่านี้ต้องเกิดกับเขา เขาเพียงแต่อยากจะทำความดี
ธอร์ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดกับเขาอีก แต่เขาไม่ใส่ใจ เขาเพียงอยากจะกู้ชื่อเสียง ให้คนได้รู้ว่าเขาไม่ได้พยายามจะทำร้ายพระราชา และเขามีพลังจริง ๆ สามารถเห็นอนาคตได้จริง เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรต่อไป แต่เขารู้เรื่องหนึ่ง นั่นคือเขาจะต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้
ก่อนที่ธอร์จะทันคิดจนจบ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า รองเท้าบู้ทหนัก ๆ เดินดังเข้ามาตามทางเดินหิน เสียงลูกกุญแจกระทบกัน แล้วครู่ต่อมาผู้คุมร่างใหญ่ก็โผล่มาให้เห็น คนเดียวกับที่ลากธอร์เข้ามาที่นี่และต่อยเข้าที่หน้าของเขา เมื่อเห็นเขา ธอร์ก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่แก้ม รู้สึกถึงมันเป็นครั้งแรก และรู้สึกแขยง
“เอ นี่มันเจ้าตัวแสบที่พยายามลอบปลงพระชนม์พระราชาไม่ใช่หรือ” ผู้คุมทำหน้าบูดบึ้งขณะไขกุญแจเหล็ก หลังจากมีเสียงกริ๊กสองสามครั้ง เขาก็เอื้อมมาเลื่อนประตูห้องขังออก ถือตรวนมาด้วยมือหนึ่ง มีขวานเล่มเล็กห้อยอยู่ที่เอว
“เดี๋ยวเจ้าก็จะต้องโดน” ผู้คุมเยาะหยันธอร์ แล้วหันไปหาแมเร็ค “แต่ตอนนี้เป็นคราวของเจ้า เจ้าขโมยตัวจ้อย ครั้งที่สามแล้ว” เขาบอกพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย “ไม่มีข้อยกเว้น”
ผู้คุมพุ่งเข้าไปหาแมเร็ค กระชากเขาแรง กระตุกแขนข้างหนึ่งไปข้างหลัง สวมตรวนลงไปแล้วเกี่ยวปลายอีกข้างไว้กับห่วงบนกำแพง แมเร็คตะโกน กระตุกดึงโซ่ตรวนอย่างบ้าคลั่ง พยายามจะเป็นอิสระ แต่ไม่มีประโยชน์ ผู้คุมเข้ามาด้านหลังเขาแล้วคว้าตัวเขารัดไว้แน่น จับมือข้างที่ว่างของเขาวางลงบนแท่นหิน
“นี่จะสอนเจ้าว่าอย่าขโมย” เขาคำราม
ผู้คุมดึงขวานออกจากเข็มขัดแล้วเงื้อขึ้นเหนือหัว ปากอ้ากว้าง ฟันน่าเกลียดยื่นออกมาขณะที่เขาคำราม
“ไม่!” แมเร็คกรีดร้อง
ธอร์นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างหวาดกลัว ตะลึงงันเมื่อผู้คุมเหวี่ยงอาวุธลงมา เล็งที่ข้อมือของแมเร็ค ธอร์รู้ว่าในไม่กี่วินาที เด็กหนุ่มที่น่าสงสารคนนี้จะถูกตัดมือขาดตลอดไป ด้วยข้อหาเพียงเพราะการขโมยอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อช่วยครอบครัวของเขา ความอยุติธรรมของเรื่องนี้แผดเผาอยู่ในใจเขา และเขารู้ว่าจะยอมไม่ได้ มันไม่ยุติธรรม
ธอร์รู้สึกว่าร่างกายเขาเริ่มร้อนขึ้น จากนั้นเริ่มรู้สึกรุ่มร้อนภายใน ไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าและไหลผ่านไปยังฝ่ามือ เขารู้สึกว่าเวลาเดินช้าลง รู้สึกว่าเขาเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าผู้คุม รู้สึกถึงทุกชั่วขณะของทุกวินาที ขณะที่ขวานของผู้คุมเงื้ออยู่กลางอากาศ ธอร์รู้สึกถึงลูกบอลพลังงานแผดเผาอยู่ที่ฝ่ามือของเขา และเหวี่ยงเข้าใส่ผู้คุม
เขามองดูด้วยความอัศจรรย์ใจขณะที่ลูกกลมสีเหลืองลอยจากฝ่ามือของเขา ผ่านอากาศ ให้ความสว่างแก่ห้องขังอันมืดมิดขณะที่ลอยผ่านไป และพุ่งเข้าใส่หน้าของผู้คุม มันกระแทกเข้าที่หัวของเขา ขณะนั้นเองผู้คุมทิ้งขวานหลุดจากมือ ก่อนจะลอยผ่านห้องขังไปกระแทกเข้ากับกำแพงแล้วร่วงลงไปกองกับพื้น ธอร์ช่วยแมเร็คไว้ได้ในเสี้ยววินาทีก่อนที่คมขวานจะถึงข้อมือของเขา
แมเร็คมองมาที่ธอร์ ดวงตาเบิกกว้าง
ผู้คุมสะบัดศีรษะ ขยับจะลุกขึ้น ตั้งท่าจะจับธอร์ แต่ธอร์รู้สึกถึงพลังที่แผดเผาอยู่ในตัวเขา ขณะที่ผู้คุมลุกขึ้นยืน หันมาเผชิญหน้า ธอร์ก็วิ่งเข้าใส่ ก่อนจะกระโดดขึ้นในอากาศ แล้วถีบเข้าที่หน้าอก เขารู้สึกถึงพลังที่ไม่เคยรู้จักพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายและได้ยินเสียงกระแทกเมื่อแรงถีบของเขาส่งชายร่างใหญ่ลอยไปกระแทกกำแพง แล้วร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น ครั้งนี้หมดสติแน่นิ่งไปจริง ๆ
แมเร็คยืนนิ่งอย่างตกใจ ขณะที่ธอร์รู้ดีว่าต้องทำอะไร เขาหยิบขวานขึ้นมาแล้วรีบคว้าตรวนของแมเร็ควางลงบนแท่นหิน แล้วสับลงไป เกิดประกายไฟวาบขึ้นในอากาศขณะที่โซ่ถูกทำลาย แมเร็คผงะหลบ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโซ่ที่กองอยู่ที่ปลายเท้า และรู้ตัวว่าเป็นอิสระ
เขาจ้องธอร์ อ้าปากค้าง
“ข้าไม่รู้จะขอบใจเจ้าอย่างไรดี” แมเร็คบอก “ข้าไม่รู้เจ้าทำได้อย่างไร ไม่ว่ามันคืออะไร หรือเจ้าเป็นใคร หรือว่าเจ้าเป็นอะไร แต่เจ้าก็ช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าเป็นหนี้เจ้าครั้งหนึ่ง และนั่นเป็นสิ่งที่ข้าจะไม่ละเลย”
“เจ้าไม่ได้ติดค้างอะไรข้า” ธอร์บอก
“ผิดแล้ว” แมเร็คพูด ยื่นมือไปจับแขนธอร์ “ตอนนี้เจ้าคือพี่น้องของข้าแล้ว และข้าจะตอบแทนเจ้าในสักวัน”
แมเร็คหันหลังแล้วรีบออกทางประตูห้องขังที่เปิดอยู่ วิ่งไปตามทางเดิน ไปยังเสียงตะโกนของนักโทษคนอื่น ๆ
ธอร์มองออกไป เห็นผู้คุมที่นอนหมดสติ ประตูห้องขังที่เปิดอยู่ และรู้ว่าเขาเองก็ต้องไปเหมือนกัน เสียงตะโกนของนักโทษเริ่มดังมากขึ้น
เขาก้าวออกไป มองซ้ายมองขวา ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปในทางตรงกันข้ามกับแมเร็ค อย่างไรเสียพวกเขาคงไม่สามารถตามจับทั้งคู่ได้พร้อมกัน