ชะตาแห่งมังกร

Tekst
Loe katkendit
Märgi loetuks
Kuidas lugeda raamatut pärast ostmist
ชะตาแห่งมังกร
Šrift:Väiksem АаSuurem Aa
ประวัติ มอร์แกน ไรซ์

มอร์แกน ไรซ์ เป็นผู้เขียนหนังสือขายดีอันดับ 1 เรื่อง THE VAMPIRE JOURNALS นิยายชุดสำหรับวัยรุ่น จำนวน 11 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป), นิยายชุดขายดีอันดับ 1เรื่อง THE SURVIVAL TRILOGY นิยายระทึกขวัญ จำนวน 2 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป) และนิยายชุดมหากาพย์แฟนตาซีขายดีอันดับ 1 วงแหวนของผู้วิเศษ จำนวน 11 เล่ม (ยังมีเล่มต่อไป)

หนังสือของมอร์แกน มีทั้งรูปแบบหนังสือเสียงและเป็นรูปเล่ม และแปลเป็นภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาเลียน สเปน โปรตุเกส ญี่ปุ่น จีน สวีเดน ดัตช์ ตุรกี ฮังกาเรียน เช็ค และสโลวัก (และภาษาอื่น ๆ ที่จะตามมา)

TURNED (เล่ม1ในชุด the Vampire Journals), ARENA ONE (เล่ม 1 ในชุด the Survival Trilogy) และ เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (เล่ม 1ในชุด วงแหวนของผู้วิเศษ) มีให้ดาวน์โหลดฟรีแล้วใน

มอร์แกนอยากฟังความคิดเห็นจากพวกคุณ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.morganricebooks.com เพื่อสมัครรับข่าวสารทางอีเมล พร้อมรับหนังสือ และของรางวัลมากมาย และสามารถดาวน์โหลดแอพฟรี พร้อมทั้งรับทราบข่าวสารล่าสุด หรือเชื่อมต่อผ่านเฟซบุคและทวีตเตอร์ โปรดติดตาม!

คำนิยมสำหรับ มอร์แกน ไรซ์

“วงแหวนของผู้วิเศษ มีส่วนผสมทุกอย่างของการประสบความสำเร็จทันที ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อย ความลึกลับ อัศวินผู้กล้าหาญ ความสัมพันธ์ที่เบ่งบานพร้อมกับการอกหัก การหลอกหลวงและการทรยศ มันจะทำให้คุณเพลิดเพลินได้หลายชั่วโมง และเป็นที่ชื่นชอบของทุกวัย แนะนำให้มีประจำไว้ในห้องสมุดสำหรับคอนักอ่านเรื่องแฟนตาซี”

--Books and Movie Reviews, Roberto Mattos

“ไรซ์ทำได้ยอดเยี่ยมในการดึงคุณเข้าสู่เรื่องราวตั้งแต่เริ่มต้น ใช้พรรณนาโวหารได้อย่างเยี่ยมยอด ทำให้เห็นภาพได้ดีกว่าภาพวาดเสียอีก เป็นงานเขียนที่ดีและอ่านอย่างรวดเร็วมาก”

--Black Lagoon Reviews (สำหรับเรื่อง Turned)

“เป็นหนังสือในดวงใจสำหรับนักอ่านวัยรุ่น มอร์แกน ไรซ์ สร้างงานเขียนที่ตื่นเต้นและหักมุม แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร หนังสือชุดนี้เป็นเรื่องราวของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่มีความพิเศษ!…อ่านง่ายแต่เดินเรื่องได้ฉับไว …เรตผู้ปกครองควรแนะนำ

--The Romance Reviews (สำหรับเรื่อง Turned)

“ดึงความสนใจของฉันได้ตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบ…เป็นเรื่องราวการผจญภัยที่น่าอัศจรรย์ ดำเนินเรื่องฉับไวและเต็มไปด้วยฉากแอคชั่นตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่มีจังหวะน่าเบื่อเลย”

--Paranormal Romance Guild (สำหรับเรื่อง Turned)

“เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่น โรแมนติกและตื่นเต้น หาไปอ่านสักเล่มแล้วคุณจะตกหลุมรักอีกครั้ง”

--vampirebooksite.com (สำหรับเรื่อง Turned)

“โครงเรื่องยอดเยี่ยม เป็นหนังสือที่คุณอ่านแล้วจะไม่อยากวาง มีตอนจบที่น่าตื่นเต้นและลุ้นจนคุณอยากจะซื้อเล่มต่อไปทันที มาดูกันว่าจะเกิดอะไรต่อไป”

--The Dallas Examiner (สำหรับเรื่อง Loved)

“เป็นหนังสือที่เป็นคู่แข่งของ TWILIGHT และ VAMPIRE DIARIES และเป็นเล่มที่คุณอ่านแล้วจะไม่อยากวางจนถึงหน้าสุดท้าย หากคุณชอบการผจญภัย ความรักและแวมไพร์ หนังสือเล่มนี้เป็นเล่มที่คุณมองหา!”

--Vampirebooksite.com (สำหรับเรื่อง Turned)

“มอร์แกน ไรซ์ ได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเป็นนักเล่าเรื่องที่มีพรสวรรค์ หนังสือเรื่องนี้จะดึงดูดความสนใจของนักอ่านมากมาย รวมทั้งนักอ่านวัยรุ่นที่ชื่นชอบเรื่องราวประเภทแวมไพร์และแฟนตาซี ตอนจบของเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างไม่น่าเชื่อจนทำให้คุณตกใจ”

--The Romance Reviews (สำหรับเรื่อง Loved)
หนังสือของ มอร์แกน ไรซ์

ชุด วงแหวนของผู้วิเศษ

เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (เล่ม 1)

การเดินทางแห่งราชา (เล่ม 2)

ชะตาแห่งมังกร (เล่ม 3)

A CRY OF HONOR (เล่ม 4)

A VOW OF GLORY (เล่ม 5)

A CHARGE OF VALOR (เล่ม 6)

A RITE OF SWORDS (เล่ม 7)

A GRANT OF ARMS (เล่ม 8)

A SKY OF SPELLS (เล่ม 9)

A SEA OF SHIELDS (เล่ม 10)

A REIGN OF STEEL (เล่ม 11)

A LAND OF FIRE (เล่ม 12)

A RULE OF QUEENS (เล่ม 13)

ชุด SURVIVAL TRILOGY

ARENA ONE: SLAVERSUNNERS (เล่ม 1)

ARENA TWO (เล่ม 2)

ชุด VAMPIRE JOURNALS

TURNED (เล่ม 1)

LOVED (เล่ม 2)

BETRAYED (เล่ม 3)

DESTINED (เล่ม 4)

DESIRED (เล่ม 5)

BETROTHED (เล่ม 6)

VOWED (เล่ม 7)

FOUND (เล่ม 8)

RESURRECTED (เล่ม 9)

CRAVED (เล่ม 10)

FATED (เล่ม 11)

ดาวน์โหลดหนังสือของมอร์แกน ไรซ์ได้ที่นี่!

ลิขสิทธิ์ © 2013 โดย มอร์แกน ไรซ์

สงวนลิขสิทธิ์ ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ของสหรัฐฯ พ.ศ. 2519 ห้ามนำส่วนใดของการเผยแพร่นี้ไปทำซ้ำ แจกจ่ายหรือถ่ายทอดในรูปแบบใด ๆ หรือโดยความหมายใด ๆ หรือเก็บบันทึกเป็นข้อมูล หรือระบบสืบค้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน

หนังสือ ebook นี้ อนุญาตเพื่อความบันเทิงส่วนตัวของคุณเท่านั้น และ ebook เล่มนี้ไม่อาจนำไปขายซ้ำ หรือยกให้ผู้อื่น หากคุณต้องการแบ่งปันหนังสือเล่มนี้กับผู้อื่น ขอความกรุณาซื้อเพิ่มใหม่เป็นส่วนตัว หากคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้ และไม่ได้ซื้อ หรือไม่ได้ซื้อในนามของคุณ ขอความกรุณาส่งคืนและดำเนินการซื้อในนามของคุณ ขอบคุณที่ให้ความเคารพในการทำงานอย่างหนักของผู้เขียน

หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร ธุรกิจ องค์กร สถานที่ สถานการณ์ และเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน หรือเป็นการแต่งขึ้น ความคล้ายคลึงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจริง ทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตไปแล้ว เป็นความบังเอิญทั้งสิ้น

Jacket image Copyright RazoomGame, used under license from Shutterstock.com.

“จงอย่าเข้ามาหามังกรและโทสะของมัน”

วิลเลียม เช็คสเปียร์
คิงเลียร์


บทที่ หนึ่ง

ราชาแม็คคลาวด์พุ่งตะลุยลงมาตามลาดเนิน ควบผ่านเขตภูเขาสูงเข้ามายังฝั่งของแม็คกิลที่อีกด้านของวงแหวน ทหารหลายร้อยนายตามพระองค์มาด้านหลัง ต่างยึดม้าไว้แน่นขณะที่ควบลงจากภูเขา พระราชาทรงเงื้อแส้ขึ้นและหวดลงฟาดม้าอย่างแรง ทั้งที่ม้าไม่ได้ต้องการการกระตุ้น แต่พระองค์ทรงโปรดที่จะเฆี่ยนมันอยู่ดี ทรงสำราญกับการสร้างความเจ็บปวดให้แก่สัตว์ต่าง ๆ

ราชาแม็คคลาวด์ทรงน้ำลายสอกับภาพที่เห็นตรงหน้า หมู่บ้านสุขสงบของแม็คกิล พวกพ่อบ้านออกไปทำงานในท้องทุ่ง ไร้อาวุธ ส่วนแม่บ้านอยู่ที่บ้าน กำลังตากผ้าบนราว แต่งกายน้อยชิ้นในอากาศฤดูร้อน ประตูบ้านเปิดกว้าง ฝูงไก่เดินเที่ยวไปอย่างอิสระ หม้ออาหารค่ำกำลังเดือด พระองค์ทรงคิดถึงความเสียหายที่จะทรงทำพลางแย้มสรวลกว้าง ข้าวของที่จะทรงแย่งชิงมา และสตรีที่พระองค์จะทรงพร่าทำลาย ราชาแม็คคลาวด์แทบจะทรงรู้สึกถึงรสชาติโลหิตที่พระองค์กำลังจะทำให้หลั่งริน

พวกเขาควบและควบตะลุยไป เสียงฝีเท้ามาสะเทือนเลื่อนลั่นราวกับฟ้าผ่า กระจายกันออกไปในพื้นที่ชนบทและในที่สุดก็มีคนสังเกตเห็น เด็กหนุ่มวันรุ่นที่เป็นยามหมู่บ้าน ซึ่งเป็นข้ออ้างน่าสมเพชสำหรับคนที่อยากเป็นทหาร เขากำลังยืนถือหอกอยู่ และหันมาเมื่อได้ยินเสียงดังใกล้เข้ามา ราชาแม็คคลาวด์ทรงเห็นสีขาวในดวงตาของเขา และเห็นความหวาดกลัวและตื่นตกใจบนใบหน้าของเขา ที่เมืองหน้าด่านไร้สีสันแบบนี้ เด็กหนุ่มคงจะไม่เคยเห็นสงครามมาก่อนในชีวิต เขาไม่ได้เตรียมตัวเอาเสียเลย

พระราชาไม่ทรงเสียเวลา พระองค์อยากเป็นคนแรกที่ลงมือสังหาร เช่นที่ทรงทำเสมอในการศึก บรรดาทหารต่างรู้เรื่องนี้ดีพอที่จะให้พระองค์ทรงลงมือก่อน

ราชาแม็คคลาวด์ทรงเฆี่ยนม้าอีกครั้ง จนมันส่งเสียงร้องแล้วเร่งความเร็วขึ้น แซงหน้าคนอื่น ๆ พระองค์ทรงยกหอกเหล็กอันหนักของบรรพบุรุษขึ้นมา ทรงเงื้อแล้วขว้างออกไป

พระราชาทรงเล็งเป้าหมายได้แม่นยำเหมือนเช่นเคย เด็กหนุ่มหันหลังหนียังไม่ทันเสร็จดี เมื่อหอกพุ่งเข้าที่หลังของเขา แทงทะลุลำตัวและตรึงเขาไว้กับต้นไม้ด้วยเสียงอันดัง โลหิตไหลทะลักจากหลังเด็กหนุ่ม เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พระองค์ทรงพระสำราญ

ราชาแม็คคลาวด์ทรงเปล่งเสียงร้องอย่างยินดี ขณะที่ทุกคนยังคงพุ่งตะลุยข้ามดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ของแม็คกิลไป ผ่านทุ่งข้าวโพดสีเหลืองที่โอนเอนอยู่ในสายลม สูงถึงต้นขาม้าทรง และมุ่งหน้าไปยังประตูหมู่บ้าน มันเกือบจะเป็นวันที่งดงามเกินไป เป็นภาพที่สวยงามเกินไป สำหรับการทำลายล้างที่พวกเขากำลังจะลงมือทำ

พวกเขาควบม้าผ่านประตูหมู่บ้านที่ไม่มีการปกป้องเข้าไป หมู่บ้านนี้โง่พอที่จะตั้งอยู่ในเขตพรมแดนของอาณาจักรวงแหวน ชิดเขตภูเขาสูง พวกมันน่าจะฉลาดกว่านี้ ราชาแม็คคลาวด์ทรงคิดอย่างหยามเหยียด ขณะที่เหวี่ยงขวานฟันป้ายไม้บอกชื่อหมู่บ้านลง พระองค์จะทรงตั้งชื่อใหม่ให้ในไม่ช้านี้

ทหารของราชาแม็คคลาวด์บุกเข้าไปในหมู่บ้าน รอบ ๆ ตัวเกิดเสียงกรีดร้องของบรรดาสตรี เด็ก คนแก่ และใครก็ตามที่อยู่บ้านในดินแดนห่างไกลเช่นนี้ อาจจะมีคนโชคร้ายราวหนึ่งร้อยคน ซึ่งราชาแม็คคลาวด์ทรงตั้งพระทัยว่าทุกคนจะต้องชดใช้ พระราชาทรงเงื้อขวานขึ้นสูงเหนือพระเศียรขณะที่ทรงเล็งไปยังสตรีนางหนึ่งที่วิ่งอยู่ด้านหน้า พยายามอย่างสุดชีวิตที่จะกลับไปหาที่ปลอดภัยที่บ้านของนาง แต่มันจะไม่เป็นเช่นนั้น

ขวานของราชาแม็คคลาวด์โดนเข้าที่น่องของนางตามพระประสงค์ นางล้มลงพลางกรีดเสียงร้อง พระราชาไม่ได้ต้องการจะฆ่านาง หากแต่ต้องการทำให้บาดเจ็บ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงต้องการให้นางมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างความบันเทิงให้พระองค์หลังจากนี้ พระราชาทรงเลือกนาง สตรีที่มีผมสีทองยาวสยายและมีสะโพกแคบ อายุไม่น่าจะเกินสิบแปดปี นางจะต้องเป็นของพระองค์ และเมื่อทรงเสร็จธุระกับนางแล้ว บางทีตอนนั้นอาจจะทรงสังหารนางเสีย หรืออาจจะไม่ อาจจะทรงเก็บนางไว้เป็นทาสรับใช้

พระราชาเปล่งสุรเสียงอย่างยินดีเมื่อทรงชักม้าไปใกล้นางและกระโดดลงจากหลังม้าขณะที่มันยังวิ่งอยู่ กระโจนเข้าใส่และตะครุบตัวนางไว้ พระราชาทรงกลิ้งไปบนพื้นดินพร้อมกับนาง ทรงรู้สึกถึงแรงกระแทกกับพื้นถนน ราชาแม็คคลาวด์แย้มสรวลด้วยความพอพระทัยกับความรู้สึกมีชีวิตชีวานี้

ในที่สุด ชีวิตก็มีความหมายอีกครั้ง

บทที่ สอง

เจ้าชายเคนดริคกำลังประทับอยู่ที่ใจกลางพายุ ในหออาวุธ รายล้อมด้วยพี่น้องกองรบเงินผู้แข็งแกร่งหลายสิบนาย  ที่กำลังมองดูดาร์ล็อค ผู้บัญชาการทหารองครักษ์ที่ถูกส่งมาทำภารกิจโชคร้ายนี้อย่างสงบ ดาร์ล็อคคิดอย่างไรกัน? เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาจะสามารถเดินเข้ามาในหออาวุธแล้วพยายามจับกุมตัวเจ้าชายเคนดริค ราชนิกูลที่เป็นรักที่สุด ต่อหน้าบรรดาเพื่อนทหารทั้งหลาย? เขาคิดจริง ๆ หรือว่าคนอื่น ๆ จะยืนเฉยและยอมให้ทำเช่นนั้น?

 

เขาประเมินความจงรักภักดีที่กองรบเงินมีต่อเจ้าชายเคนดริคต่ำเกินไป หากแม้ดาร์ล็อคจะมาด้วยข้อหาที่ชอบธรรม ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น เจ้าชายเคนดริคทรงสงสัยอย่างยิ่งว่าเพื่อนพ้องทหารของพระองค์จะยอมให้พระองค์ถูกลากตัวไปหรือไม่ พวกเขาจงรักภักดีด้วยชีวิตและวิญญาณ นี่เป็นบัญญัติของกองรบเงิน ซึ่งพระองค์ก็คงจะปฏิบัติเช่นเดียวกันหากเพื่อนพ้องคนใดคนหนึ่งมีภัย นอกจากนี้ทุกคนยังร่วมฝึกมาด้วยกัน ต่อสู้ด้วยกันมาตลอดชีวิต

เจ้าชายเครดริคทรงรู้สึกถึงความตึงเครียดที่ลอยอยู่ในความเงียบอันน่าอึดอัดนี้ เหล่ากองรบเงินชักอาวุธออกมาเผชิญหน้ากับทหารองครักษ์แค่สิบสองนาย ที่กำลังยืนกระสับกระส่าย ดูยิ่งไม่สบายใจอยู่ในขณะนี้ พวกเขารู้ดีว่าจะต้องมีการนองเลือดแน่หากชักดาบออกมา ซึ่งทุกคนก็ฉลาดพอที่จะไม่ทำเช่นนั้น ทั้งหมดต่างยืนนิ่งและรอคำสั่งจากดาร์ล็อค ผู้บัญชาการของพวกเขา

ดาร์ล็อคกลืนน้ำลาย ดูยิ่งกังวล เขารู้ดีว่าสถานการณ์ของเขานั้นสิ้นหวัง

“ดูเหมือนท่านจะพาคนมาไม่พอ” เจ้าชายเครดริคตรัสอย่างสงบ พลางแย้มสรวล “ทหารองครักษ์สิบสองนายกับกองรบเงินนับร้อย ฝ่ายท่านดูจะแพ้นะ”

ดาร์ล็อคหน้าแดงแล้วกลับยิ่งซีดเผือด เขากระแอม

“ฝ่าบาท เราต่างรับใช้อาณาจักรเดียวกัน ข้าไม่ได้ต้องการจะต่อสู้กับพระองค์ ทรงตรัสถูกแล้ว พวกเราไม่อาจชนะ หากเป็นพระประสงค์ พวกเราจะออกไปแล้วกลับไปหาพระราชา”

“แต่พระองค์ทรงรู้ดีว่าราชากาเร็ธจะทรงส่งคนมากขึ้นมาจับพระองค์ ทหารคนอื่น และพระองค์ทรงรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์อาจจะทรงสังหารพวกเขาทั้งหมด แต่ทรงต้องการให้พี่น้องทหารล้มตายด้วยพระหัตถ์ของพระองค์อย่างนั้นหรือ? ทรงต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองจริง ๆ หรือ? เพื่อพระองค์แล้ว เพื่อนทหารของพระองค์พร้อมที่จะเสี่ยงชีวิต และสังหารทุกคน แต่นั่นยุติธรรมกับพวเขาแล้วหรือ?”

เจ้าชายเคนดริคทอดพระเนตรเขา พลางทรงคิดทบทวน ดาร์ล็อคพูดมีประเด็น พระองค์ไม่ต้องการให้เพื่อนทหารคนใดบาดเจ็บเพื่อพระองค์ ทรงปรารถนาที่จะปกป้องพวกเขาจากการนองเลือด ไม่ว่าจะเพื่อพระองค์เองก็ตาม และไม่ว่ากาเร็ธอนุชาของพระองค์จะชั่วร้ายและเป็นราชาที่แย่เพียงใด เจ้าชายเคนดริคไม่ทรงต้องการให้เกิดสงครามกลางเมือง อย่างน้อยที่สุดต้องไม่ใช่เพราะพระองค์ ยังมีวิธีอื่นอีก พระองค์ทรงรู้ว่าการเผชิญหน้าโดยตรงไม่ใช่วิธีที่ได้ผลเสมอไป

เจ้าชายเคนดริคทรงยื่นพระหัตถ์ออกไปช้า ๆ และลดดาบของแอทมี สหายของพระองค์ลง ทรงหันไปหาเพื่อนกองรบเงินคนอื่น ๆ เจ้าชายทรงซาบซึ้งที่พวกเขาออกมาปกป้องพระองค์

“สหายกองรบเงินของข้า” เจ้าชายตรัส “ข้ารู้สึกขอบคุณที่พวกท่านปกป้องข้า และข้ารับรองว่ามันจะไม่สูญเปล่า ทุกคนต่างรู้จักข้าดี ข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสวรรคตของพระบิดา อดีตพระราชา และเมื่อข้าพบตัวฆาตกรที่แท้จริง ผู้ที่ข้าสงสัยและได้พบจากคำสั่งเหล่านี้แล้ว ข้าจะเป็นคนแรกที่จะแก้แค้น ข้าถูกใส่ความอย่างผิด ๆ แต่ข้าไม่ปรารถนาจะให้เกิดสงครามกลางเมือง ดังนั้นโปรดลดอาวุธของพวกท่าน ข้าจะยอมให้พวกเขานำตัวไปอย่างสันติ เพราะคนในอาณาจักรวงแหวนไม่ควรจะต่อสู้กันเอง หากความยุติธรรมยังมีอยู่ ความจริงจะต้องเปิดเผยออกมา และข้าจะกลับมาหาพวกท่านทันที”

ทหารกองรบเงินค่อย ๆ ลดอาวุธลงอย่างช้า ๆ และไม่เต็มใจ เมื่อเจ้าชายเครดริคทรงหันกลับไปหาดาร์ล็อค เจ้าชายเสด็จไปยังประตูพร้อมกับดาร์ล็อค โดยมีทหารองครักษ์รายล้อม เจ้าชายเคนดริคทรงดำเนินอย่างองอาจ ผึ่งผายอยู่ตรงกลาง ดาร์ล็อคไมได้พยายามจะใส่ตรวนพระองค์ อาจจะด้วยความเคารพ หรือความกลัว หรืออาจเป็นเพราะดาร์ล็อครู้ดีว่าพระองค์เป็นผู้บริสุทธิ์ เจ้าชายเคนดริคทรงยอมให้จับกุม แต่พระองค์จะไม่ยอมแพ้อย่างง่ายดาย พระองค์จะต้องล้างมลทิน และเป็นอิสระจากคุกใต้ดิน และสังหารฆาตกรที่ปลงพระชนม์พระบิดาของพระองค์ แม้มันผู้นั้นจะเป็นอนุชาของพระองค์เองก็ตาม

บทที่ สาม

เจ้าหญิงเกว็นโดลีนประทับอยู่ที่ใต้ถุนปราสาท โดยมีเจ้าชายก็อดฟรีย์ ผู้เป็นพระเชษฐาประทับอยู่เคียงข้าง กำลังทอดพระเนตรสเตฟเฟนที่ยืนกระสับกระส่าย บิดมือไปมา เขาช่างเป็นคนประหลาด ไม่ใช่เพียงเพราะเขาพิกลพิการ หลังบิดค่อม แต่เพราะเขาดูจะเต็มไปด้วยพลังความวิตกกังวล ดวงตาของเขาลอกแลก มือบีบกันแน่นราวกับกำลังอึดอัดกับความรู้สึกผิด เขายืนโยกตัวไปมา ขยับไปมาระหว่างสองเท้า และพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงต่ำ เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดว่าตลอดเวลาหลายปีที่อยู่ข้างล่างนี่ เห็นได้ชัดว่าหลายปีที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวทำให้เขากลายเป็นคนประหลาด

เจ้าหญิงเกว็นทรงรออย่างคาดหวังให้เขาเปิดปากพูดออกมา เปิดเผยเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพระบิดาของพระนาง แต่จากวินาทีกลายเป็นนาที ขณะที่หางคิ้วของสเตฟเฟนมีเหงื่อผุดขึ้น และขณะที่เขายังคงโยกตัวไปมาแรงยิ่งขึ้น ก็ยังไม่กล่าวอะไรออกมา ยังคงมีเพียงความเงียบอันน่าอึดอัด แทรกด้วยเสียงพึมพำของเขา

เจ้าหญิงเกว็นเองทรงเริ่มมีพระเสโทไหล เปลวไฟที่ปะทุอยู่ในเตาอยู่ใกล้เกินไปในวันกลางฤดูร้อนเช่นนี้ พระนางทรงอยากให้เรื่องนี้จบลง และออกไปจากที่นี่ แล้วไม่ต้องกลับมาอีก เจ้าหญิงทรงพิจารณาสเตฟเฟน พยายามตีความสีหน้าของเขา หาคำตอบว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ เขาสัญญาว่าจะบอกบางอย่าง แต่ตอนนี้กลับปิดปากเงียบ ขณะที่ทรงสำรวจดูเขานั้น เหมือนเขาจะเปลี่ยนใจ เห็นได้ชัดว่าเขากลัว เขาต้องปิดบังบางอย่างอยู่

ในที่สุด สเตฟเฟนก็กระแอมขึ้น

“ข้ายอมรับว่าในคืนนั้นมีบางอย่างหล่นลงมาตามปล่อง” เขาเริ่มทูล ไม่ยอมสบตา เสมองพื้น “แต่ข้าไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร มันเป็นโลหะ คืนนั้นเราเอากระโถนออกไปเท และข้าได้ยินเสียงบางอย่างตกลงไปในแม่น้ำ บางอย่างที่แตกต่างไป ดังนั้น” เขาทูล พลางกระแอมหลายครั้ง และบิดมือไปมา “ท่านคงจะทรงรู้ ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร มันลอยหายไปในกระแสน้ำแล้ว”

“เจ้าแน่ใจไหม?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม

สเตฟเฟนพยักหน้าอย่างแรง

เจ้าหญิงเกว็นและเจ้าชายก็อดฟรีย์ทรงสบพระเนตรกัน

“อย่างน้อยที่สุดเจ้าได้เห็นมันไหม?” เจ้าชายทรงเค้นถาม

สเตฟเฟนส่ายหน้า

“แต่เจ้าบอกว่ามันเป็นมีดสั้น เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันเป็นมีดสั้น หากเจ้าไม่ได้เห็นมัน?” เจ้าหญิงเกว็นตรัสถาม พระนางทรงมั่นพระทัยว่าเขากำลังโกหก แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด

สเตฟเฟนกระแอมอีก

“ข้าบอกเช่นนั้นเพราะเขาเดาเอาว่ามันเป็นมีดสั้น” เขาทูล “มันเล็กและเป็นโลหะ จะเป็นอะไรอย่างอื่นได้อีก?”

“แล้วเจ้าได้ตรวจดูที่ก้นกระโถนใหม่?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม “หลังจากที่เทมันทิ้งแล้วน่ะ? มันอาจจะยังอยู่ในนั้น อยู่ที่ก้นกระโถน”

สเตฟเฟนส่ายหน้า

“ข้าตรวจดูที่ก้นกระโถนแล้ว” เขาทูล “เขาทำเสมอ ไม่มีอะไร มันว่างเปล่า ไม่ว่ามันคืออะไร มันถูกพัดหายไปแล้ว ข้าเห็นมันลอยไป”

“ถ้ามันเป็นโลหะ มันจะลอยได้อย่างไร?” เจ้าหญิงเกว็นตรัสถาม

สเตฟเฟนกระแอมอีกแล้วยักไหล่

“แม่น้ำสายนี้น่าพิศวง” เขาทูลตอบ “กระแสน้ำแรงมาก”

เจ้าหญิงเกว็นทรงสบพระเนตรกับเจ้าชายก็อดฟรีย์อย่างสงสัย พระนางทรงบอกได้จากสีพระพักตร์ของพี่ชายว่าไม่ทรงเชื่อถือสเตฟเฟนเช่นกัน

เจ้าหญิงเกว็นทรงเริ่มหมดความอดทน ตอนนี้พระนางทรงสับสน เมื่อครู่ก่อนสเตฟเฟนทำท่าจะบอกทุกสิ่งอย่างที่เขาสัญญา แต่จู่ ๆ ก็เหมือนเขาเปลี่ยนใจ

เจ้าหญิงเกว็นทรงก้าวเข้าไปใกล้เขา พลางทำพระพักตร์บึ้งตึง พระนางทรงรู้ว่าชายคนนี้ปิดบังบางอย่างไว้ จึงทรงปั้นพระพักตร์ให้ดูดุดันที่สุด ขณะนั้นเองที่ทรงรู้สึกถึงพละกำลังของพระบิดาที่หลั่งไหลเข้ามาในพระวรกาย เจ้าหญิงตั้งพระทัยที่จะค้นหาสิ่งที่เขารู้ โดยเฉพาะหากมันจะช่วยหาตัวมือสังหารได้

“เจ้าโกหก” เจ้าหญิงตรัส น้ำเสียงเย็นชา มีพลังในน้ำเสียงที่ทำให้พระนางเองยังประหลาดพระทัย “เจ้ารู้ไหมว่าโทษของการโกหกราชนิกูลเป็นอย่างไร?”

สเตฟเฟนบิดมือและเกือบจะกระเด้งกลับเข้าที่ เขาเหลือบตาขึ้นมองพระนางครู่หนึ่งก่อนจะเมินหลบไป

“ข้าขออภัย” เขาทูล “ข้าขออภัย ได้โปรดเถิด ข้าไม่มีอะไรจะบอกแล้ว”

“เจ้าถามเราว่าเจ้าจะได้เว้นโทษขังคุกหรือไม่ หากบอกสิ่งที่เราอยากรู้” เจ้าหญิงตรัส “แต่เจ้ากลับไม่บอกอะไร เจ้าถามเช่นนั้นทำไมหากเจ้าไม่มีอะไรจะบอกเรา?”

สเตฟเฟนเลียริมฝีปาก ก้มมองพื้น

“ข้า…ข้า…เอ่อ” เขาเริ่มพูดแล้วกลับหยุด เขากระแอมกระไอ “ข้ากังวล…ว่าจะเดือดร้อนที่ไม่รายงานว่ามีวัตถุหล่นลงมาทางปล่องเท่านั้นเอง ข้าขออภัย ข้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันหายไปแล้ว”

เจ้าหญิงเกว็นหรี่พระเนตร จ้องมองเขา พยายามค้นให้ถึงก้นบึ้งของชายประหลาดคนนี้

“เกิดอะไรขึ้นกับนายงานของเจ้ากันแน่?” เจ้าหญิงตรัสถาม ไม่ยอมปล่อยเขาหลุดจากเบ็ด “มีคนบอกเราว่าเขาหายตัวไป และเจ้าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”

สเตฟเฟนส่ายศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า

“เขาจากไป” สเตฟเฟนทูล “ข้ารู้เพียงเท่านั้น ข้าขออภัย ข้าไม่รู้อะไรที่จะช่วยพระองค์ได้”

ทันใดนั้นเกิดเสียงดังมาจากอีกฟากห้อง ทั้งหมดหันไปเห็นสิ่งปฏิกูลกำลังไหลลงมาตามปล่อง สาดกระจายลงสู่กระโถนใบใหญ่ สเตฟเฟนหันหลังแล้วรีบวิ่งไปที่กระโถน เขายืนอยู่ข้าง ๆ กระโถนใบใหญ่ เฝ้าดูสิ่งปฏิกูลจากชั้นบนที่เติมลงมา

เจ้าหญิงเกว็นหันมาหาเจ้าชายก็อดฟรีย์ที่กำลังทอดพระเนตรมาเช่นกัน เจ้าชายเองก็แสดงความสงสัยไม่แพ้กัน

“ไม่ว่าเขากำลังปิดบังอะไรไว้” เจ้าหญิงตรัส “เขายังไม่ยอมพูด”

“เราจับเขาไปขังไว้ได้” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัส “นั่นอาจจะทำให้เขาพูด”

เจ้าหญิงเกว็นส่ายพระเศียร

“ข้าไม่เห็นด้วย ไม่ใช่กับชายคนนี้ เขาดูหวาดกลัวมากอย่างเห็นได้ชัด ข้าว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับนายงานของเขา แน่นอนว่าเขาไม่สบายใจกับบางอย่าง แต่ข้าไม่คิดว่ามันจะเกี่ยวกับการสวรรคตของพระบิดา ข้าคิดว่าเขารู้บางเรื่องที่อาจช่วยเราได้ แต่ข้าสัมผัสได้ว่าการต้อนเขาให้จนมุมมีแต่จะทำให้เขาปิดตัวเอง”

“ถ้าเช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?” เจ้าชายก็อดฟรีย์ตรัสถาม

เจ้าหญิงเกว็นประทับยืนนิ่ง พลางครุ่นคุด พระนางทรงนึกถึงพระสหายคนหนึ่งสมัยทรงพระเยาว์ ที่ถูกจับได้ว่าโกหก พ่อแม่ของนางกดดันทุกอย่างเพื่อให้นางพูดความจริง แต่นางก็ไม่ทำ แต่ไม่กี่อาทิตย์ต่อมา เมื่อทุกคนเลิกสนใจนางในที่สุด นางกลับก้าวออกมาบอกทุกอย่างเอง เจ้าหญิงเกว็นทรงสัมผัสถึงพลังแบบเดียวกันนี้จากสเตฟเฟน ว่าการต้อนเขาจนมุมจะทำให้เขาปิดตัวเอง เขาต้องการพื้นที่ที่จะก้าวออกมาด้วยตัวเอง

“ให้เวลาเขาหน่อย” พระนางตรัส “เราลองไปหาที่อื่น ดูสิว่าเราจะพบอะไร แล้วค่อยวนกลับมาหาเขาเมื่อเราได้อะไรมากกว่านี้แล้ว ข้าคิดว่าเขาจะเปิดใจมากกว่านี้ เขาเพียงแต่ยังไม่พร้อม”

เจ้าหญิงเกว็นทรงหันกลับไปมองเขาที่อยู่อีกฟากห้อง กำลังมองสิ่งปฏิกูลเติมลงไปในกระโถน พระนางแน่ใจว่าเขาจะต้องนำทั้งสองพระองค์ไปสู่ตัวคนที่ลอบปลงพระชนม์พระบิดา เพียงแต่ยังไม่ทรงรู้ว่าอย่างไรเท่านั้น เจ้าหญิงทรงสงสัยว่าความลับอะไรกันที่ซ่อนอยู่ลึกในใจเขา

เจ้าหญิงเกว็นทรงคิดว่าเขาเป็นคนประหลาดมาก ประหลาดมากจริง ๆ

บทที่ สี่

ธอร์พยายามหายใจขณะที่กระพริบตาไล่น้ำที่เข้าตา จมูก ปาก และเทลงมารอบตัวเขา หลังจากลื่นไถลไปตามพื้นเรือ ในที่สุดเขาก็สามารถยึดลูกกรงไม้ไว้ได้แล้วเกาะไว้แน่นสุดชีวิต ขณะที่กระแสน้ำรุนแรงยังคงซัดใส่เขา กล้ามเนื้อทุกส่วนบนร่างกายของเขาสั่น ธอร์ไม่รู้ว่าจะทนได้อีกนานเท่าใด

พี่น้องทุกคนรอบตัวเขาก็ทำเช่นเดียวกัน ต่างเกาะเกี่ยวสิ่งที่สามารถยึดได้ไว้แน่นสุดชีวิต ขณะที่น้ำยังพยายามพัดพวกเขาให้ตกเรือ แต่พวกเขาก็สามารถเกาะยึดไว้ได้

เสียงน้ำดังอึกทึก ทัศนวิสัยมองได้ไม่ไกลเกินสองสามฟุตตรงหน้า แม้จะเป็นฤดูร้อนแต่สายฝนนั้นเย็น น้ำเย็นทำให้ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน คอล์คยืนอยู่ที่นั่น หน้าบึ้งตึง มือเท้าสะโพก ราวกับกำแพงน้ำนี้ไม่ผลกับเขา และตะโกนไปรอบตัว

“กลับไปยังที่นั่งของพวกเจ้า!” เขาตะโกน “พาย!”

คอล์คเองก็ลงนั่งแล้วเริ่มพาย ไม่นานเด็กหนุ่มคนอื่นก็ไถลและคลานไปตามดาดฟ้าเรือ มุ่งหน้ากลับไปยังม้านั่ง หัวใจธอร์เต้นแรงขณะที่เขาปล่อยมือ แล้วตะเกียกตะกายไปตามดาดฟ้าเรือ โครห์นอยู่ในเสื้อเชิ้ตของเขา ส่งเสียงคราง ขณะที่ธอร์ลื่นล้ม กระแทกลงบนพื้นดาดฟ้าเรือ

เขาคลานไปตามทางที่เหลือ และกลับไปถึงที่นั่งของตัวเองในไม่ช้า

“มัดตัวเองไว้!” คอล์คตะโกนบอก

ธอร์มองลงไปและเห็นเชือกมีปมอยู่ใต้ที่นั่งของเขา และในที่สุดก็รู้ว่ามันมาอยู่ที่นั่นเพื่ออะไร เขาเอื้อมลงไปและมัดเชือกไว้รอบข้อมือข้างหนึ่งของเขา ล่ามตัวเองไว้กับม้านั่งและไม้พาย

มันได้ผล เขาหยุดลื่นไถล และไม่ช้าก็สามารถพายเรือได้

เด็กหนุ่มรอบตัวเขากลับมาพายเรืออีกครั้ง เจ้าชายรีซประทับนั่งด้านหน้าเขา ธอร์รู้สึกได้ว่าเรือกำลังเคลื่อนที่ และภายในไม่กี่นาที กำแพงน้ำก็เบาลงด้านหน้า

ขณะที่เขาพายและพาย ผิวหนังของเขาแสบร้อนจากฝนประหลาดนี้ กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายปวดร้าว ในที่สุดเสียงฝนเริ่มเบาลง ธอร์รู้สึกว่าแรงของน้ำที่ตกลงบนศีรษะเริ่มน้อยลง ในไม่กี่อึดใจ พวกเขาก็เข้ามาสู่ท้องฟ้าสดใส

ธอร์มองไปรอบ ๆ อย่างตกใจ มันแห้งสนิท สดใส เป็นเรื่องที่ประหลาดที่สุดที่เขาเคยเจอ เรือครึ่งลำอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์ ไม่เปียก ขณะที่อีกครึ่งลำถูกน้ำเทใส่ ตอนที่พวกเขาผ่านกำแพงน้ำออกมาสำเร็จ

ในที่สุดเรือทั้งลำก็อยู่ภายในท้องฟ้าสดใสสีฟ้าและเหลือง แสงอาทิตย์อบอุ่นสาดแสงลงมา ตอนนี้ทุกอย่างสงบเงียบ กำแพงน้ำหายไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนพ้องทหารยุวชนทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างตกตะลึง มันเหมือนกับพวกเขาเพิ่งผ่านม่าน ไปสู่อีกอาณาจักร

“หยุดได้!” คอล์คตะโกน

เด็กหนุ่มรอบตัวธอร์ต่างวางไม้พายในมือลงพร้อมเสียงครางออกมาพร้อมกัน แล้วหอบหายใจ ธอร์ก็ทำเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายสั่นระริกและรู้สึกขอบคุณที่ได้พัก เขาล้มตัวลง อ้าปากหายใจและพยายามผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ปวดร้าว ขณะที่เรือของพวกเขาลอยลำไปสู่น่านน้ำใหม่

ในที่สุดธอร์ก็มีแรงขึ้นอีกครั้ง แล้วยืนขึ้นมองดูรอบ ๆ เขามองลงไปในน้ำ และเห็นว่าสีของน้ำเปลี่ยนไป ตอนนี้มันเป็นสีแดงจาง ๆ เป็นประกาย พวกเขามาถึงทะเลที่แปลกไปแล้ว

“ทะเลมังกร” เจ้าชายรีซตรัสอยู่ข้างเขา ขณะกำลังทอดพระเนตรลงไปด้วยความพิศวง “พวกเขาบอกว่ามันเป็นสีแดงด้วยโลหิตจากเหยื่อมังกร”

ธอร์มองลงไป มีฟองผุดพรายตรงนั้นตรงนี้ สัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำชั่วครู่หนึ่ง แล้วดำหายไป ไม่มีตัวใดโผล่ขึ้นมานานพอให้เขามองได้เต็มตา แต่เขาก็ไม่อยากจะลองดีแล้วก้มลงไปดูใกล้ขึ้น

ธอร์หันมา ซึมซับทุกอย่างไว้ด้วยความงุนงง ทุกสิ่งที่นี่ ที่อีกด้านของกำแพงน้ำดูแปลกและแตกต่างไป มีแม้กระทั่งหมอกสีแดงจาง ๆ ลอยอยู่เหนือพื้นน้ำ เขาสำรวจที่ขอบฟ้าและเห็นเกาะเล็ก ๆ หลายสิบเกาะ กระจายอยู่เหมือนหินทางเดินที่ขอบฟ้า

สายลมแรงพัดขึ้น คอล์คก้าวมาข้างหน้าแล้วตะโกน

“กางใบเรือ!”

ธอร์กระโดดเข้าไปพร้อมกับเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ รอบตัว คว้าเชือกแล้วดึงใบเรือขึ้นรับลม เมื่อใบเรือกินลม กระแสลมก็พาพวกเขาไป ธอร์รู้สึกว่าเรือแล่นฉิวเร็วกว่าที่เคย พวกเขามุ่งหน้าไปยังหมู่เกาะ เรือโยนตัวไปบนคลื่นลูกใหญ่ที่โผล่มาจากที่ใดไม่รู้ แล้วโยกโยนเป็นจังหวะนุ่มนวล

ธอร์เดินไปยังหัวเรือ พิงราวลูกกรงแล้วมองไปรอบ ๆ เจ้าชายรีซเสด็จมาข้างเขา โดยมีโอคอนเนอร์อยู่อีกข้าง ทั้งหมดยืนอยู่เคียงข้างกัน ขณะที่ธอร์มองดูหมู่เกาะใกล้เข้ามาเร็วขึ้น พวกเขายืนเงียบ ๆ อยู่นาน ธอร์เพลิดเพลินกับสายลมเปียกชื้นขณะที่ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย

 

ในที่สุดธอร์ก็รู้ว่าพวกเขากำลังมุ่งหน้าไปยังเกาะแห่งหนึ่งโดยเฉพาะ มันเริ่มใหญ่ขึ้น ธอร์รู้สึกหนาวสะท้านเมื่อรู้ว่ามันคือจุดหมายปลายทางของพวกเขา

“เกาะแห่งหมอก” เจ้าชายรีซตรัสอย่างยำเกรง

ธอร์มองดูอย่างสงสัย มันเริ่มมองเห็นเป็นรูปเป็นร่าง เป็นหินและชะง่อนผา ดูแห้งแล้ง และทอดตัวเหยียดยาวไปหลายไมล์ในทุกทิศทุกทาง ยาวและแคบ รูปร่างเหมือนกับเกือกม้า คลื่นลูกใหญ่ซัดกระแทกชายหาด เสียงดังจนได้ยินจากตรงนี้ เกิดฟองคลื่นซัดสาดเมื่อมันซัดกระแทกหินก้อนใหญ่ มีแนวพื้นดินเล็ก ๆ ด้านหลังแนวก้อนหิน จากนั้นจึงเป็นหน้าผาสูงชันเสียดฟ้า ธอร์ไม่เห็นทางเลยว่าเรือของพวกเขาจะสามารถเข้าเทียบได้อย่างปลอดภัย

หมอกสีแดงที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ทั่วเกาะนี้ เหมือนน้ำค้างที่เป็นประกายในแสงแดด ยิ่งทำให้มันดูแปลกประหลาด ให้ความรู้สึกน่าขนลุก ธอร์รู้สึกถึงบางอย่างที่โหดร้ายและเหนือธรรมชาติในเกาะแห่งนี้

“พวกเขาบอกว่ามันอยู่รอดมาหลายล้านปี” โอคอนเนอร์บอก “มันเก่าแก่กว่าอาณาจักรวงแหวน และเก่าแก่ยิ่งกว่าจักรวรรดิเสียอีก”

“มันเป็นของมังกร” เอลเด็นเสริม พลางก้าวมายืนข้างเจ้าชายรีซ

ขณะที่ธอร์กำลังมองอยู่นั้น จู่ ๆ อาทิตย์ดวงที่สองก็เคลื่อนไปเร็วบนท้องฟ้า ในไม่ช้าเวลากลางวันที่มีแสงแดดและสดใสก็กลายเป็นยามอาทิตย์อัสดง ท้องฟ้าแต้มไปด้วยสีแดงและม่วง เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ธอร์ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนที่เร็วเช่นนี้มาก่อน เขาสงสัยว่ามีอะไรที่แตกต่างไปอีกในส่วนนี้ของโลก

“มังกรอาศัยอยู่ที่เกาะนี้หรือ?” ธอร์ถาม

เอลเด็นส่ายหน้า

“เปล่า ข้าได้ยินว่ามันอาศัยอยู่ใกล้ ๆ นี้ พวกเขาบอกว่าหมอกสีแดงเกิดจากลมหายใจของมังกร มันหายใจในยามราตรีที่เกาะแห่งหนึ่งใกล้ ๆ และลมได้พัดพาลมหายใจมังกรมาปกคลุมเกาะนี้ในยามกลางวัน”

ธอร์ได้ยินเสียงดังขึ้น ตอนแรกฟังคล้ายเสียงสะเทือนเหมือนฟ้าผ่า ดังและยาวพอที่จะทำให้เรือสะเทือน โครห์นที่ยังอยู่ในเสื้อของเขา มุดหัวลงไปพลางส่งเสียงคราง

คนอื่น ๆ ต่างหันไปมอง เช่นเดียวกับธอร์ ที่ไหนสักแห่งตรงขอบฟ้า เขาคิดว่าเขาเห็นเงาร่างจาง ๆ ของเปลวไฟแลบเลียอาทิตย์อัสดง จากนั้นจึงหายไปหลังควันสีดำ เหมือนภูเขาไฟลูกเล็ก ๆ ที่ปะทุขึ้น

“มังกร” เจ้าชายรีซตรัส “เราอยู่ในเขตแดนของพวกมันแล้ว”

ธอร์กลืนน้ำลายพลางสงสัย

“แล้วพวกเราจะปลอดภัยอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” โอคอนเนอร์ถามขึ้น

“เจ้าจะไม่ปลอดภัยไม่ว่าที่ใด” มีเสียงดังก้องขึ้น

ธอร์หมุนตัวไปเห็นคอล์คกำลังยืนอยู่ มือเท้าสะโพก พลางมองดูขอบฟ้าข้ามไหล่พวกเขาไป

“นั่นคือเป้าหมายของการฝึกร้อยวัน เพื่อมีชีวิตอย่างเสี่ยงตายทุกวัน นี่ไม่ใช่การฝึกฝน มังกรอาศัยอยู่ไม่ไกล และไม่มีอะไรจะห้ามไม่ให้มันโจมตีได้ แต่เป็นไปได้ว่ามันจะไม่ทำ เพราะมันหวงสมบัติบนเกาะของมัน มังกรไม่ชอบทิ้งสมบัติไว้โดยไม่ปกป้อง แต่พวกเจ้าจะได้ยินคำรามและเห็นเปลวไฟของมันในยามราตรี และหากเราทำให้มันโกรธ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”

ธอร์ได้ยินเสียงดังอีก และเห็นเปลวไฟปะทุขึ้นอีกที่ขอบฟ้า เขาเฝ้ามองขณะที่เรือเข้าไปใกล้เกาะมากยิ่งขึ้น เห็นคลื่นซัดกระแทก เขาเงยหน้ามองดูหน้าผาชัน และกำแพงหิน แล้วสงสัยว่าพวกเขาจะขึ้นไปยังยอดเขา ไปยังที่ราบและพื้นดินได้อย่างไร

“แต่ข้าไม่เห็นมีตรงไหนที่เรือจะเข้าเทียบได้เลย” ธอร์กล่าว

นั่นมันจะง่ายเกินไป” คอล์คโต้กลับ

“ถ้าเช่นนั้นเราจะขึ้นไปที่เกาะได้อย่างไร?” โอคอนเนอร์ถาม

คอล์คยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว

“พวกเจ้าต้องว่ายน้ำไป” เขาบอก

ธอร์สงสัยว่าเขาคงจะล้อเล่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเห็นได้จากสีหน้าว่าเขาไม่ได้พูดเล่น ธอร์กลืนน้ำลาย

“ว่ายน้ำหรือ?” เจ้าชายรีซทวนคำ อย่างไม่อยากเชื่อ

“ในน้ำทะเลนั่นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด!” เอลเด็นบอก

“โอ้ นั่นยังเป็นเรื่องเล็ก” คอล์คพูดต่อ “กระแสน้ำนั่นไม่น่าไว้ใจ แล้วน้ำวนพวกนั้นยังจะดูดเจ้าจมลงไป คลื่นพวกนั้นจะซัดกระแทกเจ้าเข้าหาหินแหลมนั่น น้ำยังร้อนด้วย และหากพวกเจ้าสามารถผ่านก้อนหินไปได้ พวกเจ้าต้องหาทางปีนหน้าผาขึ้นไปยังพื้นดินแห้ง หากพวกสัตว์ทะเลไม่จัดการเจ้าไปเสียก่อนนะ ขอต้อนรับสู่บ้านใหม่”

ธอร์ยืนเกาะรั้วลูกกรงอยู่กับคนอื่น ๆ มองลงไปยังพรายฟองของทะเลเบื้องล่าง น้ำหมุนวนอยู่ข้างล่างราวกับมีชีวิต กระแสน้ำรุนแรงมากขึ้นทุกวินาที ซัดเรือโคลงไปมาทำให้ยากที่พวกเขาจะทรงตัว ต่ำลงไปเบื้องล่าง กระแสน้ำเกรี้ยวกราด ปั่นป่วน เป็นสีแดงสว่างเหมือนกับเป็นโลหิตจากนรก ที่แย่ไปกว่านั้น เมื่อธอร์มองดูอย่างใกล้ชิด เขาเห็นสัตว์ทะเลโผล่ขึ้นมาที่ผิวน้ำทุก ๆ สองสามฟุต โผล่ขึ้นมาอ้าปากที่มันฟันยาว แล้วมุดจมหายไป

ทันใดนั้นเรือของพวกเขาก็ทอดสมอไกลจากฝั่ง ธอร์กลืนน้ำลาย เขามองดูก้อนหินที่ล้อมรอบเกาะ และสงสัยว่าพวกเขาจะไปถึงที่นั่นได้อย่างไร เสียงคลื่นซัดกระแทกดังขึ้นทุกวินาที ทำให้พวกเขาต้องตะโกนคุยกัน

ขณะที่ธอร์กำลังมองดูนั้น เขาเห็นเราพายลำเล็กหลายลำถูกหย่อนลงไปในน้ำ จากนั้นจึงถูกน้ำไปห่างจากเรือประมาณสามสิบหลา พวกเขาคงจะไม่ยอมให้มันง่ายดายเช่นนั้น ทุกคนจะต้องว่ายน้ำไปยังเรือ

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้ท้องไส้ของธอร์ปั่นป่วน

กระโดด!” คอล์คตะโกน

เป็นครั้งแรกที่ธอร์รู้สึกกลัว เขาสงสัยว่านั่นจะทำให้เขาเป็นทหารยุวชนน้อยลง เป็นนักรบน้อยลงกว่าคนอื่นหรือไม่ เขารู้ว่านักรบไม่ควรกลัวไม่ว่าเมื่อไร แต่เขาต้องยอมรับกับตัวเองว่าตอนนี้เขารู้สึกกลัว เขาเกลียดความจริงที่ว่าเขากลัว และหวังให้เป็นอย่างอื่น แต่เขาก็กลัวจริง ๆ

แต่ขณะที่ธอร์มองไปรอบ ๆ เขาเห็นใบหน้าหวาดหวั่นของเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ ก็รู้สึกดีขึ้น ทุกคนรอบตัวเขายืนอยู่ชิดราวลูกกรง ตัวแข็งด้วยความกลัว จ้องมองลงไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง เด็กหนุ่มคนหนึ่งดูหวาดกลัวเป็นพิเศษจนตัวสั่น เขาเป็นเด็กหนุ่มจากการฝึกโล่ คนที่กลัว คนที่ถูกบังคับให้วิ่งเพิ่มรอบ

คอล์คคงจะรู้สึกได้ เพราะเขาเดินตรงไปหาเด็กหนุ่มคนนั้น คอล์คดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เมื่อสายลมพัดผมของเขาปลิว ขณะที่เดินไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง ดูพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับธรรมชาติ เขาก้าวไปยืนข้างเด็กหนุ่มทำหน้าขมึงทึงยิ่งขึ้น

กระโดด!” คอล์คตะโกน

“ไม่!” เด็กหนุ่มตอบ “ข้าทำไม่ได้ ข้าไม่ทำ ข้าว่ายน้ำไม่เป็น พาข้ากลับบ้าน!”

คอล์คเดินไปหาเด็กหนุ่มที่กำลังถอยห่างจากราวลูกกรง แล้วคว้าคอเสื้อเขาไว้ ยกเขาสูงขึ้นจากพื้น

“งั้นเจ้าก็ควรจะหัดว่ายน้ำ!” คอล์คตะคอก แล้วจากนั้นเขาก็โยนเด็กหนุ่มออกไปนอกลำเรือ ซึ่งธอร์ไม่อยากเชื่อเลย

เด็กหนุ่มคนนั้นลอยไปในอากาศ กรีดเสียงร้องขณะที่ร่วงลงไปราวสิบห้าฟุตสู่ทะเลที่แตกเป็นฟอง เขาหล่นตูมลงไป จากนั้นจึงลอยขึ้นมาที่ผิวน้ำ หมดแรง อ้าปากหายใจ

“ช่วยด้วย!” เขาตะโกน

“กฎข้อแรกของทหารยุวชนคืออะไร?” คอล์คตะโกนถาม เมื่อหันมาหาเด็กหนุ่มคนอื่น ๆ บนเรือ โดยไม่สนใจคนที่อยู่ในน้ำ

ธอร์แทบไม่รู้คำตอบ เพราะภาพเด็กหนุ่มคนนั้น ตะเกียกตะกายอยู่ด้านล่างดึงความสนใจไปเกินกว่าจะตอบ

“ช่วยเพื่อนทหารยุวชนที่ต้องการความช่วยเหลือ!” เอลเด็นตะโกนบอก

“แล้วเขากำลังต้องการความช่วยเหลือไหม?” คอล์คตะโกน พลางชี้ลงไปที่เด็กหนุ่มในน้ำ

เขาชูแขนขึ้น ตะเกียกตะกายอยู่ในน้ำ ขณะที่เด็กหนุ่มคนอื่นยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ จ้องมองลงไป ทุกคนกลัวเกินกว่าที่จะโดดลงไป

ในตอนนั้นเอง มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นกับธอร์ ขณะที่เขากำลังสนใจเด็กหนุ่มที่กำลังจมน้ำ ทุกอย่างหายไปหมด ธอร์ไม่ได้คิดถึงตัวเองอีกต่อไป ความจริงที่ว่าเขาอาจจะตายไม่ได้รบกวนจิตใจ ทะเล สัตว์ประหลาด กระแสน้ำ…ทุกอย่างหายไปหมด เขาคิดออกแต่เพียงต้องช่วยเหลือคนอื่น

ธอร์ก้าวขึ้นไปยืนบนกราบเรือกว้างที่ทำจากไม้โอ้ค งอเข่าแล้วกระโจนขึ้นไปสูงในอากาศ ก่อนจะพุ่งหัวลงไปในน้ำทะเลสีแดงที่แตกเป็นฟองเบื้องล่างโดยไม่ได้คิด